“นิพนธ์”รับปากช่วยร้านอาหารต้มยำกุ้งในมาเลย์เรื่องชีวิตความเป็นอยู่

04 ธ.ค. 2565 | 02:29 น.

“นิพนธ์”รับปากช่วยร้านอาหารต้มยำกุ้ง หลังประธานเครือข่ายทั่วประเทศมาเลเซีย ยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ และปัญหาเอกสารที่เกี่ยวเนื่องกับเอกสารราชการ

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างการเดินทางเพื่อเยี่ยมเยียนและร่วมพบปะกับกลุ่มเครือข่ายร้านอาหารต้มยำกุ้ง ในประเทศมาเลเซีย ของ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และคณะ ระหว่างวันที่ 2-5 ธ.ค. 

 

นายนิพนธ์ ได้เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกันกับประธานชมรม Ukhuwah Mr. Johari Bin Ahmad และกลุ่มเครือข่ายร้านอาหารต้มยำกุ้งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ว่า ปัจจุบันการมาทำงานในประเทศมาเลเซีย ของกลุ่มคนไทยนั้น มีปัญหาหลายอย่างที่ต้องการให้รัฐบาลไทยได้เข้ามาช่วยเหลือแก้ไขเร่งด่วน

 

เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานและการใช้ชีวิตของกลุ่มคนไทยที่มาทำงานที่นี่ โดยทางกลุ่มได้ร้องขอให้ช่วยเหลือในเรื่อง

 

- การแจ้งเกิด-แจ้งตายที่ปัจจุบันมีรายละเอียดและขั้นตอนการทํางานที่ยุ่งยาก และหลายขั้นตอน

 
- การอํานวยความสะดวกในการออกใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศมาเลเซีย

   
- การอำนวยความสะดวกในการออกหนังสือเดินทาง(Passport) ให้กับคนไทยที่เดินทางมาทํางาน ให้สามารถต่ออายุ/ทำใหม่ได้ที่สถานทูตฯ 

- การกำหนดรายละเอียดการออกใบอนุญาตให้เข้ามาทํางานในประเทศมาเลเซีย (Work Permit) โดยกำหนดประเภทแรงงาน/ราคา


- การส่งเสริมกิจกรรมการแข่งขันกีฬา และกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ของคนไทยที่เดินทางมาทํางานในประเทศมาเลเซีย 


- การจัดหาครูผู้สอนและสื่อการเรียนการสอนภาษาไทยให้กับเด็กที่ครอบครัวพามาพักอาศัย หรือ ที่แม่คนไทยคลอดในประเทศมาเลเซียด้วย ซึ่งปัจจุบันเด็กที่เดินทางมากับผู้ปกครองนั้นไม่สามารถสื่อสารและใช้ภาษาไทยได้ 


นายนิพนธ์ กล่าวว่า การร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขเพราะกลุ่มคนที่ร้องขอมา ก็ถือเป็นคนไทยเช่นเดียวกัน โดยรายละเอียดต่างๆ นั้น โดยส่วนตัวคิดว่าบางอย่างสามารถดำเนินการได้ทันที 


อย่างการจัดกิจกรรมกีฬาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์นั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้คนไทยในต่างแดนได้รู้จักกันมากขึ้น สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในเรื่องต่างๆ 


ส่วนในเรื่องพาสปอร์ต และใบอนุญาตการทำงานต้องมีการประสานกับกระทรวงต่างประเทศ และทางการมาเลเซีย ต่อไป ซึ่งจะรับไปดำเนินการต่อ


รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ตามที่กลุ่มได้ร้องขอมา ซึ่งต้องถือว่ากลุ่มคนเหล่านี้ได้ทำรายได้เข้าประเทศ และหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนใต้ของเราส่วนหนึ่งด้วย