สถิติเศร้า วันลอยกระทง 2565 จุดพลุ ดอกไม้ไฟ เสี่ยงบาดเจ็บรุนแรง

08 พ.ย. 2565 | 03:17 น.

กรมควบคุมโรค เตือนระวังจุดพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ ช่วงวันลอยกระทง 2565 เสี่ยงบาดเจ็บรุนแรง สูญเสียอวัยวะสำคัญ เปิดสถิติเศร้าพบเด็กต่ำกว่า 15 ปี บาดเจ็บมากที่สุด

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 นี้ เป็น วันลอยกระทง ซึ่งรัฐบาลอนุญาตให้จังหวัดต่างๆ สามารถจัดงานเทศกาลต่างๆ ได้ โดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของประชาชนผู้มาร่วมงาน 

 

ทั้งนี้ทุกปีที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลลอยกระทง มักเกิดอุบัติเหตุจากการจุดพลุ ประทัด และดอกไม้ไฟ ทำให้ได้รับบาดเจ็บตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย หากบาดเจ็บรุนแรงอาจสูญเสียอวัยวะสำคัญ หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ภาพประกอบข่าว ลอยกระทง 2565

 

จากข้อมูลระบบเฝ้าระวังการบาดเจ็บของกรมควบคุมโรค ปี 2564 พบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากพลุ ประทัด และดอกไม้ไฟ ดังนี้

  • ผู้ได้รับบาดเจ็บจากพลุ ประทัด และดอกไม้ไฟ จำนวน 594 ราย 
  • พบมากในเดือนมกราคม ธันวาคม ตุลาคม พฤศจิกายน ตามลำดับ 
  • กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ 1-14 ปี (23.4%) รองลงมา 15-29 ปี (22.7%) 
  • อวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง 3 อันดับแรก คือ มือ และนิ้ว (58.4%) ตา (7.5%) หัวและคอ (6.6%)

สำหรับคำแนะนำในการป้องกันการบาดเจ็บจากพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ ดังนี้ 

  1. ไม่ควรให้เด็กจุดพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟด้วยตนเอง  
  2. ออกห่างจากบริเวณที่จุดประทัดหรือพลุ 
  3. สอนเด็กให้รู้ถึงอันตรายของพลุ ประทัด และดอกไม้ไฟ เช่น อาจทำให้ตาบอด หูตึง นิ้วขาด พิการ หรือเสียชีวิตได้ 
  4. ห้ามโยนพลุ ประทัด และดอกไม้ไฟใส่ผู้อื่น 
  5. ไม่ควรจุดซ้ำหากจุดแล้วไม่ติด 
  6. หากจำเป็นต้องใช้ในงานพิธีควรจุดให้ห่างจากตัวประมาณ 1 ช่วงแขน ควรจุดในที่โล่งไม่จุดใกล้วัตถุไวไฟ ใบไม้แห้งอาคารบ้านเรือน และไม่ควรจุดครั้งละจำนวนมาก
  7. ห้ามเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ กางเกง หรือที่มีอากาศร้อน เพราะอาจระเบิดได้ 
  8. ควรเตรียมภาชนะบรรจุน้ำไว้ใกล้ ๆ ไว้ใช้กรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน 

 

ภาพประกอบข่าว ลอยกระทง 2565

 

ทั้งนี้ หากพบเห็นหรือเกิดอุบัติเหตุ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น และรีบโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร.1669 อย่างไรก็ตาม ขอย้ำเตือนว่า การเล่นดอกไม้ไฟจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายหรือทำให้เกิดเพลิงไหม้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422