อิสราเอลให้ผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนเข็ม 3 เป็นประเทศแรกของโลก

01 ก.ย. 2564 | 02:05 น.

หมอเฉลิมชัยเผยอิสราเอลเป็นประเทศแรกของโลกที่ประกาศให้ผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 3 และเมื่อกลับเข้าประเทศไม่ต้องกักตัวอีกต่อไป

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า  
อิสราเอลเป็นประเทศแรกในโลก ที่ประกาศให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนเข็ม 3  และเมื่อกลับเข้าประเทศไม่ต้องกักตัวอีกต่อไป
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังศึกษาวิจัย และรวบรวมข้อมูลว่า การฉีดวัคซีนเข็ม 3  (Booster dose) นั้น มีความจำเป็นสำหรับการฉีดให้ประชาชนทั่วไปหรือไม่ และควรฉีดห่างจากเข็ม 2 นานเท่าใด
ประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศชั้นนำในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ อย่างรวดเร็ว และประชาชนส่วนใหญ่จะปฏิบัติตามทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องทางการแพทย์เท่านั้น แม้ในเรื่องทางการเมือง การค้า และการสงครามกับกลุ่มประเทศอาหรับ อิสราเอลก็มักจะตัดสินใจที่เด็ดขาดรวดเร็วเสมอ
สำหรับโควิด-19  อิสราเอลประสบปัญหาการไม่อยากประกาศล็อกดาวน์ จนทำให้มีผู้ติดเชื้อสูงเป็นอันดับต้นของโลก ในขณะนี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 1,066,352 ราย เสียชีวิต 7043 ราย ถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับประเทศที่มีประชากรเพียง 9 ล้านคน
แต่อิสราเอลก็ได้เร่งดำเนินการควบคุมโรค ด้วยการตกลงกับบริษัท Pfizer เพื่อจัดหาวัคซีนในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดหลายเท่า(แต่ไม่มีการเปิดเผยราคา) และนำมาฉีดให้กับประชาชนของตนเองในขณะที่งานวิจัยยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วนนัก
ทำให้อิสราเอลเป็นประเทศแรกในโลก ที่มีผู้ฉีดวัคซีนครบสองเข็มเกินกว่า 50%

แต่ในขณะนี้ ไม่ติดอันดับหนึ่งในห้าแล้ว เนื่องจากมีประชาชนอิสราเอลประมาณ 1 ล้านคน ต่อต้านหรือปฏิเสธการฉีดวัคซีน สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับผู้นำประเทศมาก
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการศึกษาของอิสราเอล ทำให้รัฐบาลตัดสินใจประกาศให้ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี ได้ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 และลดลงมาเป็นอายุ 50 ปี จนกระทั่งสัปดาห์ที่แล้วลดลงมาเป็นอายุ 30 ปีขึ้นไป
แต่ในขณะนี้ หลังจากที่มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ไปแล้วกว่า 1.9 ล้านโดส อิสราเอลพบว่าผู้ที่รับวัคซีน Pfizer สองเข็มไปนานกว่า 5 เดือน จะมีระดับภูมิคุ้มกันที่ตกลงชัดเจน เมื่อเจอไวรัสสายพันธุ์เดลตา ทำให้มีการติดเชื้อเป็นจำนวนมาก แต่โชคดีที่ทำให้ไม่ป่วยหนักและไม่เสียชีวิตมากนัก
รัฐบาลอิสราเอลจึงประกาศใหม่ ให้ฉีดวัคซีนเข็ม 3 กับทุกคนที่ประสงค์จะฉีด ในผู้มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป และมีสิ่งจูงใจ คือผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้วนานกว่า 7 วัน เมื่อเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ และกลับเข้ามา จะไม่ต้องกักตัว (Quarantine)
สิทธิ์นี้ให้กับผู้ที่ฉีดเข็มสอง และยังไม่นานกว่า 6 เดือนด้วย ถ้านานกว่า 6 เดือนจะต้องฉีดกระตุ้นเข็มสาม

อิสราเอลประกาศให้ผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนเข็ม 3
โดยเกณฑ์การฉีดกระตุ้นเข็ม 3 จะต้องได้รับเข็ม 2 มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน
มาตรการต่างๆของประเทศอิสราเอลมีลักษณะของการสวิงขึ้นลงอย่างน่าสนใจ กล่าวคือ
เมื่อเดือนมกราคม 2564 มีการระบาดอย่างรุนแรง มีทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
พอระดมฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม มาถึงกลางปี จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
รัฐบาลอิสราเอลก็ประกาศผ่อนคลายมาตรการต่างๆอย่างรวดเร็ว ให้ทุกคนออกมานอกบ้าน มีกิจกรรมรวมตัวโดยไม่ต้องใส่หน้ากาก
เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น จำนวนเคสก็พุ่งทะลุขึ้นมาทันที ทำให้รัฐบาลอิสราเอลต้องรีบประกาศให้ใส่หน้ากากนอกบ้านกันอีกครั้งหนึ่ง

ในขณะนี้อิสราเอลมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เพราะเป็นไวรัสสายพันธุ์เดลตาแต่จากการฉีดวัคซีนครบสองเข็มกว่า 63% ของประชากร จึงทำให้ยอดผู้เสียชีวิตค่อนข้างน้อย กล่าวคือ
ยอดติดเชื้อในขณะนี้ สูงพอๆกับการระบาดระลอกที่แล้วเมื่อเดือนมกราคม แต่การเสียชีวิตน้อยกว่า 4 เท่า
เมื่อเทียบการติดเชื้อและการเสียชีวิตต่อจำนวนประชากร พบว่า
อิสราเอล
เสียชีวิต 755 ราย ต่อล้านประชากร ติดเชื้อ 114,342 ราย ต่อล้าน
ผู้ติดเชื้อ 151 ราย เสียชีวิต 1 ราย
ในขณะที่สหรัฐอเมริกามี
เสียชีวิต 1970 ราย ต่อล้านประชากรติดเชื้อ 119,867 ราย ต่อล้าน
ผู้ติดเชื้อ 60 ราย เสียชีวิต 1 ราย
ส่วนประเทศไทยอยู่ตรงกลางระหว่างสหรัฐกับอิสราเอลโดย ไทย
เสียชีวิต 166 รายต่อล้านประชากร ติดเชื้อ 17,210 รายต่อล้านประชากร คิดเป็นผู้ติดเชื้อ 103 ราย เสียชีวิต 1 ราย
ทำให้เห็นว่า มาตรการระดมฉีดวัคซีนจนได้ภูมิคุ้มกันหมู่ สามารถลดการเสียชีวิตลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
แต่ถ้าไม่มีมาตรการที่เข้มงวดพอ อัตราการติดเชื้อ จำนวนผู้ติดเชื้อจะยังสูงอยู่เสมอ

สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทย วันที่ 1 กันยายน 64 นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามรายงานจากศูนย์ข้อมูลโควิด-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า
ติดเชื้อเพิ่ม 14,802 ราย
ติดในระบบ 12,892 ราย
ติดจากตรวจเชิงรุก 1688 ราย
ติดในสถานกักตัว 5 ราย
ติดในเรือนจำ 217 ราย
สะสมละลอกที่สาม 1,190,668 ราย
สะสมทั้งหมด 1,219,531 ราย
หายกลับบ้านได้ 18,996 ราย
สะสม 1,013,342 ราย
รักษาตัวอยู่ 166,922 ราย
โรงพยาบาลหลัก 24,161 ราย
โรงพยาบาลสนาม 75,659 ราย
แยกกักที่บ้าน 64,079 ราย
อาการหนัก 4917 ราย
ใช้เครื่องช่วยหายใจ 1040 ราย
ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย 1880 ราย
สะสม 79,143 ราย
เสียชีวิต 252 ราย
สะสมระลอกที่สาม 11,747 ราย
สะสมทั้งหมด 11,841 ราย