ดีลเลอร์เนต้า รวมตัวทวงเงิน 200 ล้านบาท เชื่อบริษัทไม่รอด

วันนี้ (13 มิ.ย.) กลุ่มผู้แทนจำหน่ายรถยนต์เนต้า 18 ราย นัดรวมตัวกันที่กรมสรรพสามิต เพื่อร้องทุกข์ต่ออธิบดีกรมสรรพสามิต เชื่อถูกหลอกให้ค้าขาย เพราะยังติดหนี้รวมกันกว่า 200 ล้านบาท(ไม่รวมเจ้าใหญ่ กลุ่มมหานครของประวิตร พันธ์สายเชื้อ และวีกรุ๊ป)

นายฉัตรดนัย คมฤทัย ผู้บริหาร วีบียอนด์ อินโนเวชั่น จำกัด ดีลเลอร์เนต้า ที่จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ดีลเลอร์ที่มารวมตัวกันในวันนี้น่าจะมีความเสียหายรวมกันกว่า 200 ล้านบาท

“เราเหมือนโดนเนต้า หลอกให้ค้าขาย แต่ไม่มีเงินจ่าย โดยอ้างว่าต้องรอการอนุมัติจากจีนมาโดยตลอด และหากภาคัฐยังให้เงินสนับสนุนตามเงื่อนไข EV 3.0 แก่เนต้าไปอีก เชื่อว่าเขาจะเอาเงินกลับจีนแน่นอน และไม่นำมาดูแลลูกค้า หรือใช้หนี้ดีลเลอร์”

ปัจจุบันเนต้า น่าจะเหลือโชว์รูมทั่วประเทศประมาณ 40 แห่ง จากเดิมที่เคยมีมากกว่า 60 แห่ง ซึ่งตอนนี้เรามองว่าบริษัทแม่ที่จีน (โฮซอน) ไม่น่ารอด แล้วเนต้าไทย ก็คงไม่รอดเช่นกัน(ผู้บริหารเนต้าเคยให้สัมภาษณ์สื่อประเด็นนี้)

สำหรับระเอียดของหนังสือร้องทุกข์มีดังนี้

1.บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด มีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงการชำระหนี้คงค้างแก่ผู้แทนจำหน่าย ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 เมื่อผู้แทนจำหน่ายได้ติดตามทวงถาม บริษัทฯ มักบ่ายเบี่ยงและเลื่อนนัดชำระหนี้โดยอ้างสิทธิการโอนเงินอยู่ที่ผู้บริหารประเทศจีน   ส่วนเงินที่ได้รับชำระค่าสินค้าจากผู้แทนจำหน่ายก็จะถูกโอนกลับประเทศจีนทันที โดยในระหว่างนี้ผู้แทนจำหน่ายกลับต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อเจ้าของรถยนต์เนต้า ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 20,000 คันทั่วประเทศ

2.เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 บริษัทฯ ได้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่กรรมการทั้งหมดเป็นชาวจีนมาโดยตลอด ได้มีการแต่งตั้งพนักงานคนไทย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ ขึ้นเป็นกรรมการบริษัทแทน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในโครงสร้างบริษัทเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงกรรมการอีกครั้ง กลับมาเป็นชาวจีน ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์เพื่อลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงกรรมการถึง 4 ครั้งภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือน ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในความยั่งยืนและมั่นคงของบริษัทฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

3.การที่กลุ่มผู้แทนจำหน่ายได้ทำธุรกิจร่วมกับบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด นั้น เป็นผลจากการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด ประกอบกับการที่บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐ ทั้งด้านการลงทุนและมาตรการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล  ทำให้ภาคเอกชนเกิดความเชื่อมั่นต่อบริษัทฯ ในฐานะคู่สัญญา แต่เมื่อบริษัทฯ ไม่สามารถปฏิบัติตามภาระสัญญา  โดยเฉพาะในส่วนของเงินสนับสนุนการก่อสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการ ซึ่งเคยมีข้อตกลงไว้ก่อนหน้า กลับไม่ดำเนินการตามสัญญา ทำให้ผู้แทนจำหน่ายต้องรับภาระต้นทุนโดยลำพัง

4. กลุ่มผู้แทนจำหน่ายยังได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากราคาจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่ตกต่ำลงในตลาด   อันเป็นผลจากภาวะตื่นตระหนกของผู้บริโภคเกี่ยวกับเสถียรภาพของบริษัทฯ ซึ่งทำให้การจำหน่ายสินค้าคงคลังของผู้แทนจำหน่ายประสบความยากลำบาก และอาจต้องขาดทุนจากการลดราคาจำหน่ายเพื่อให้สามารถระบายสินค้าได้

5. รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นของผู้แทนจำหน่ายแต่ละราย โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่

•   ความเสียหายจากงานขาย เช่น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและส่งเสริมการขายที่ผู้แทนจำหน่ายต้องรับภาระแทนบริษัท
•   ความเสียหายจากงานบริการหลังการขาย เช่น ค่าอะไหล่ ค่าซ่อมบำรุง และค่าบริการอื่น ๆ ที่เกิดจากการดูแลลูกค้า
•   ความเสียหายจากภาระสัญญาที่บริษัทฯ เคยให้ไว้ เช่น เงินสนับสนุนการก่อสร้างโชว์รูมหรือศูนย์บริการ
•   ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการลดราคาจำหน่ายรถยนต์ใหม่อันเป็นผลจากความไม่เชื่อมั่นของผู้บริโภค        ค่าความเสียหายเบื้องต้นจากกลุ่มผู้จำหน่าย 18 แห่ง มีมูลค่ารวมกว่า 200  ล้านบาท

6. กลุ่มผู้แทนจำหน่ายได้มาหารือกับทางกรมสรรพสามิตในครั้งนี้ เนื่องจากบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด  ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า กรมสรรพสามิตยังไม่เคยจ่ายเงินสนับสนุนแก่รถยนต์ยี่ห้อเนต้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว และรวมถึงรถยนต์ยี่ห้ออื่นด้วย

ดังนั้น กลุ่มผู้แทนจำหน่ายจึงประสงค์จะขอข้อมูลหรือคำยืนยันจากท่านว่า  กรมสรรพสามิตได้มีการชำระเงินสนับสนุนไปแล้วหรือไม่ และหากยังไม่ได้ชำระ หรือมีส่วนที่ค้างจ่ายอยู่ กลุ่มผู้แทนจำหน่ายใคร่ขอสอบถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะชะลอการจ่ายเงินดังกล่าวไว้ก่อน   ทั้งนี้เพื่อให้กลุ่มผู้แทนจำหน่ายสามารถและมีเวลาเพียงพอในการใช้สิทธิทางศาล และหากคดีถึงที่สุดแล้ว ยังมีหลักประกันที่เพียงพอในการบังคับชำระหนี้ที่มีต่อกันได้