จากการเปิดเผยของ สหภาพแรงงาน ที่ทำข้อตกลงกับ ลัมโบร์กินี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (5 ธ.ค.) การเสนอแผนทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์สำหรับพนักงานในฝ่ายการผลิต เกิดขึ้นในช่วงที่บริษัทผู้ผลิตหลายราย กำลังพิจารณา ปรับลดจำนวนวันทำงานในแต่ละสัปดาห์ ลงมา ซึ่งเชื่อว่า พนักงานจะทำงานได้มากขึ้นในเวลาการทำงานที่น้อยลง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหภาพแรงงาน FIOM และ FIM-CISL ระบุว่า ข้อตกลงกับบริษัทยานยนต์อิตาลีรายนี้ ถือเป็น “ดีลแห่งประวัติศาสตร์” เพราะเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในยุโรป ที่ประสบความสำเร็จในการลดชั่วโมงการทำงานให้กับพนักงานอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่ได้ปรับลดค่าจ้างลง แต่ในทางกลับกัน เลือกที่จะเพิ่มค่าแรงขึ้นมาแทนด้วย
แถลงการณ์จากสหภาพแรงงาน FIOM และ FIM-CISL ระบุว่า "การทำงานในเวลาที่น้อยลงและทำงานได้ดีขึ้น นี่คือหลักการที่นำไปสู่การเจรจาครั้งนี้”
การบรรลุข้อตกลงของลัมโบร์กินี มีขึ้นในช่วงเวลาที่หลายบริษัทกำลังเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของพนักงาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัทในยุคหลังโควิด-19 ระบาด และท่ามกลางสถานการณ์ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
แผนการทำงานเป็นเวลา 4 วันต่อสัปดาห์มีการปรับใช้ในหลายประเทศของยุโรป เช่นที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งพบว่า พนักงานจะทำงานได้มากขึ้นในเวลาการทำงานที่น้อยลง การจ้างงานและการรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรต่อไปก็ปรับตัวดีขึ้นด้วย ขณะที่อัตราการลาป่วยก็ลดลงเช่นกัน
สำหรับกรณีของลัมโบร์กินี ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้พนักงานฝ่ายการผลิตที่ทำงานแบบหมุนเวียน 2 กะ ที่เคยทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน ลดเวลาทำงานลงมาเหลือสัปดาห์ละ 4 วันแทน ซึ่งจะเท่ากับลดเวลาทำงานลงไปรวม 22 วันในแต่ละปี
ลัมโบร์กินีซึ่งเป็นบริษัทในเครือโฟล์คสวาเก้น ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเยอรมนี ยังมีข้อตกลงเพิ่มค่าจ้างรายปี และโบนัสให้กับพนักงานอีกด้วย
นอกเหนือจากบริษัทลัมโบร์กินีแล้ว เร็วๆนี้ อินเตซาซันปาโอโล (Intesa Sanpaolo) ซึ่งเป็นบริษัทธนาคารสัญชาติอิตาลีรายใหญ่ยังเปิดเผยว่า ในจำนวนพนักงานเกือบๆ 30,000 คนที่สามารถเลือกจะทำงานสัปดาห์ละ 4 วัน มีจำนวนถึง 70% ที่ยื่นเรื่องรับข้อเสนอการทำงานดังกล่าว และยังคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารายใหญ่สุดของอิตาลีรายนี้ เริ่มนำมาตรการลดเวลาการทำงานในแต่ละสัปดาห์มาใช้เพื่อลดค่าไฟฟ้า ถือเป็นบริษัทผู้จ้างงานรายใหญ่รายแรกของอิตาลีที่เริ่มใช้มาตรการลักษณะนี้
ข้อมูลอ้างอิง