“เบนซ์ พระราม3” เสียบ“สตาร์แฟลก” ได้สิทธิ์ขาย EV ประเดิม Mercedes Benz EQS

04 พ.ย. 2564 | 01:54 น.

เมอร์เซเดส-เบนซ์ วางเอ็กซ์คลูซีฟดีลเลอร์ 4 รายดูแลแต่ละซับแบรนด์ Mercedes Maybach และ Mercedes EQ โดยแบรนด์แรกประกาศอย่างเป็นทางการแล้วคือ บีเคเค ทีทีซี ไพรม์มัส และสตาร์แฟลก แต่แบรนด์ EV กลายเป็น "เบนซ์ พระราม 3" เสียบแทน สตาร์แฟลก ได้สิทธิ์ขาย Mercedes Benz EQS เป็นโมเดลแรก

ตามแผนงาน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จะขยับบทบาทให้ซับแบรนด์อย่าง Mercedes Maybach อัครยานยนต์หรูที่สุดของค่าย และมุ่งหน้าสู่รถพลังงานไฟฟ้า 100% EV แบรนด์ EQ โดยแบรนด์แรกของการทำตลาดยุคใหม่พร้อมเปิดตัว Mercedes Maybach GLS 600 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ และปีหน้าจะตามด้วย Mercedes Maybach S-Class พร้อมแต่งตั้งเอ็กซ์คลูซีฟดีลเลอร์ 4 รายเข้ามาดูแลการขายและบริการหลังการขาย ประกอบด้วย บีเคเค ทีทีซี ไพรม์มัส และสตาร์แฟลก ซึ่งแต่ละรายต่างลงทุนตกแต่งโชว์รูมเพิ่มเติมตามข้อกำหนดของบริษัทแม่

 

ยกเว้น ทีทีซี มอเตอร์ ที่ถือโอกาสลงทุนรีโนเวทโชว์รูมสาขาพัฒนาการ 45 ครั้งใหญ่ ตาม Corporate Identity ใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คือ MAR2020 พร้อมรองรับการขายรถทุกโมเดล ทั้ง รถทั่วไป และ Mercedes-AMG, Mercedes Maybach และ Mercedes-EQ ที่จะเริ่มทำตลาดต้นปี 2565 กับ EQS รุ่นประกอบในประเทศเป็นโมเดลแรก

“เบนซ์ พระราม3” เสียบ“สตาร์แฟลก” ได้สิทธิ์ขาย EV ประเดิม Mercedes Benz EQS

นายอัครินทร์ ตั้งทวีสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ทีทีซี มอเตอร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในผู้จำหน่ายรถยนต์ Maybach อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทีทีซีได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงโชว์รูม และศูนย์บริการ สาขาพัฒนาการ 45 พร้อมขานรับกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการขายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ด้วยบริการที่เป็นดิจิทัลมากขึ้น และรองรับยนตรกรรมระดับลักชัวรี่ เมอร์เซเดส-มายบัค ที่พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดประเทศไทยในปลายปีนี้

“การปรับปรุงโชว์รูม และ ศูนย์บริการของทีทีซีในครั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับการสร้างแพลตฟอร์มการสื่อสาร เพื่อสื่อภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์ลักชัวรี่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ให้ตอบรับกับความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในระยะยาว ซึ่งเราเป็นผู้จำหน่ายจึงต้องเดินตามนโยบายของบริษัทแม่ เพื่อก้าวต่อไปที่แข็งแกร่ง มั่นคง และยั่งยืน” นายอัครินทร์ กล่าวสรุป

 

ในส่วนรถพลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes EQ ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จะนำเข้าแฟลกชิปโมเดล EQS มาอวดโฉมก่อนช่วงปลายปีนี้ และเตรียมประกาศรายชื่อ 4 เอ็กซ์คลูซีฟดีลเลอร์ที่ได้สิทธิ์ขายและบริการหลังการขาย ซึ่งประกอบด้วย 3 รายเดิมที่ได้ดูแล Mercedes Maybach อยู่แล้ว คือ บีเคเค ทีทีซี ไพรม์มัส และอีกรายที่สอดแทรกเข้ามาคือ เบนซ์ พระราม3 ที่เพอร์ฟอร์แมนซ์ดี และผ่านหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทแม่กำหนด

 

สำหรับ บริษัท เบนซ์พระราม 3 จำกัด ก่อตั้งโดยนายง้วน แซ่ลิ้ม เดิมประกอบธุรกิจซื้อ-ขายรถยนต์มือ 2 อยู่บนถนนพระราม 4 ภายใต้ชื่อ “ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซุ่นหลีบริการ” และเข้ามาเป็นดีลเลอร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในปี 2536 ปัจจุบันเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 4 แบรนด์ มีโชว์รูม-ศูนย์บริการมาตรฐานรวมทั้งสิ้น 7 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

“เบนซ์ พระราม3” เสียบ“สตาร์แฟลก” ได้สิทธิ์ขาย EV ประเดิม Mercedes Benz EQS

ทั้งนี้ ซับแบรนด์อย่าง Mercedes EQ รถพลังงานไฟฟ้า 100% ที่เตรียมขึ้นไลน์ประกอบในเมืองไทยต้นปีหน้า ที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ สำโรง จ.สมุทรปราการ กับ EQS เป็นรุ่นแรกและตามแผนจะมีรุ่นอื่นๆ ตามมาในอนาคต ขณะที่ Mercedes Maybach มีกระแสข่าวว่าพร้อมขึ้นไลน์ผลิตที่โรงงานแห่งนี้เช่นกัน ซึ่งนายใหญ่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย “โรลันด์ โฟล์เกอร์” ไม่ได้ปฎิเสธข่าวนี้ และให้ความเห็นว่า การประกอบรถยนต์รุ่นใหม่ในไทย ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด

นายโรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยังเปิดเผยว่า สัญญาณต่างๆ ในไตรมาสสุดท้ายเริ่มดีขึ้น ทั้งการที่รัฐบาลแสดงความชัดเจนถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงยอดจองรถใหม่เพิ่มขึ้น และการที่ดีลเลอร์สั่งรถเข้ามาในสต๊อกอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าไตรมาสที่ 4 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดสำหรับการขายรถเมอร์เซเดส-เบนซ์

 

“ยอดขาย เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เป็นไปตามเป้าหมาย และทำได้ตามที่สัญญาไว้กับบริษัทแม่ ที่สำคัญคือสถานการณ์ตอนนี้ดีลเลอร์มีกำไร เพราะไม่ต้องอัดแคมเปญแรงๆ เพื่อแข่งขันหรือตัดราคากันเอง ซึ่งเรามั่นใจว่าปี 2564 จะครองแชมป์เซ็กเมนต์รถยนต์พรีเมี่ยมของเมืองไทยได้แน่นอน” นายโฟล์เกอร์ กล่าว

 

ขณะที่คู่แข่ง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย รายงานว่า ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ อยู่ที่ 8,600 คัน แบ่งเป็น “บีเอ็มดับเบิลยู” 7,759 คัน “มินิ” 841 คัน ส่งผลให้บีเอ็มดับเบิลยูยังครองตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์นั่งระดับพรีเมียม ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 41.3%

 

ส่วนยอดจดทะเบียนรถใหม่ป้ายแดง ของกรมการขนส่งทางบก 9 เดือนที่ผ่านมา (รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง) ของเมอร์เซเดส- เบนซ์ มียอดทั้งสิ้น 7,768 คัน