ฮอนด้าส่ง Honda Civic 2021 ป้องแชมป์รถยนต์นั่ง All new Honda HR-V มาปลายปีนี้

ซีอีโอ ฮอนด้า ออโตโมบิล มั่นใจปีนี้จะป้องกันแชมป์รถยนต์นั่งเมืองไทยได้อีกสมัย แม้ยอดขายครึ่งปีแรกจะหลุดเป้าจากพิษโควิด-19 ส่ง “ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่” Honda Civic 2021 เจเนอเรชันที่ 11 ทุบโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส ขายเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ รองรับนํ้ามัน E85 เสียภาษีสรรพสามิตตํ่าลง 5% และปลายปียังมีทีเด็ด “ฮอนด้า เอชอาร์-วี” โมเดลเชนจ์ All new Honda HR-V ขุมพลังไฮบริด

มาตามนัด สำหรับ “ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่” เจเนอเรชันที่ 11 Honda Civic 2021 เปิดตัวรุ่นพวงมาลัยขวา ครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2564 แบ่งการขายเป็น 3 รุ่นย่อย ราคา 9.64 แสนบาท- 1.1999 ล้านบาท โดยถอดรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตรออก ไป เหลือขายเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบเท่านั้น

นอกจากนี้ “ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่” Honda Civic 2021  ยังปรับประสิทธิผลของเครื่องยนต์บล็อกนี้ให้กำลังสูงสุดเป็น 178 แรงม้า (เดิม 173 แรงม้า) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร (เดิม 220 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,700- 4,500 รอบต่อนาทีที่สำคัญจูนให้รองรับนํ้ามันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่งผลให้เสียภาษีสรรพสามิต 20% ลดลงจากเดิมที่รองรับแค่ E20 โดนภาษีสรรพสามิต 25% (ปล่อยไอเสียไม่เกิน 150 กรัม/กม.)

ประเด็นนี้สะท้อนราคาออกมาในรุ่นท็อป Honda Civic 2021  RS 1,199,900 บาท ที่ถูกลง 19,100 บาทเมื่อเทียบกับ RS โฉมเก่าแม้จะได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีจาก E85 แต่ฮอนด้าเคยยํ้าว่า เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ เป็นเทคโนโลยีใหม่ มีต้นทุนสูง ขณะที่การตั้งราคา และตำแหน่งทางการตลาดฮอนด้าซีวิค ต้องอิงกับคู่แข่งในกลุ่มคอมแพกต์คาร์ที่ราคาอยู่ระดับ 9 แสนบาท กลางๆ จนถึงกว่า 1 ล้านบาท (หมายถึงโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส รุ่น 1.8 และไฮบริด รวมถึงมาสด้า 3)

ทั้งนี้ ฮอนด้า ตั้งเป้ายอดขายฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่ ถึงสิ้นปี 2564 ไว้ 1 หมื่นคัน และถ้านับ 12 เดือนจากนี้หวังไว้ 1.7 หมื่นคัน โดยรุ่นกลาง EL+ ราคา 1,009,900 บาท น่าจะขายดีที่สุดด้วยสัดส่วน 66% จากทั้ง 3 รุ่นย่อย

นายโนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้าออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 จะสามารถผลักดันให้ฮอนด้ายังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของประเทศ ไทยได้อีกครั้ง ด้วยความเชื่อมั่น และไว้วางใจจากลูกค้าทั่วประเทศ

ในส่วนตลาดรถยนต์ช่วงครึ่งปีแรก ยอดขายยังคงชะลอตัว เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งทวีความรุนแรงและกระจายไปในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นรวมทั้งชะลอการตัดสินใจซื้อสินค้าลง

“เราหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถสร้างยอดขายได้มากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการเปิดตัว ฮอนด้า ซีวิคใหม่ พร้อมทั้งการแนะนำโมเดลอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย และจากความมุ่งมั่นทุ่มเทดังกล่าว จะผลักดันให้ฮอนด้าสามารถครองความเป็นเจ้าตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่องในปี 2564 ได้อีก ครั้ง” นายทาคาคุระ กล่าวสรุป

สำหรับ ฮอนด้า ออโตโมบิล ทำยอดขายในครึ่งปีแรก 2564 (ม.ค.-มิ.ย. 64) ได้ 42,715 คัน เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 โดย 6 เดือนที่เหลือของปี ฮอนด้ายังต้องลุยหนัก เพราะหวังไว้ว่าตัวเลขทั้งปี 2564 จะกลับมาเกิน 1 แสนคันอีกครั้ง (ปี 2563 ขายได้ 93,041 คัน)

อย่างไรก็ตาม ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว แต่โฉมเก่า FC ที่เข้าสู่ปลายอายุโมเดล ยอดขายครึ่งปีแรกยังสูงกว่าโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส ด้วยตัวเลข 7,352 คัน และ 3,169  คันตามลำดับ ส่วนมาสด้า 3 มาเป็นอันดับสามที่ 1,270 คัน

ดังนั้น เซกเมนต์คอมแพกต์คาร์น่าจะเชื่อขนมกินได้ว่าแชมป์ไม่หนีไปจากฮอนด้า แต่ที่ต้องลุ้นในบั้นปลายคือเซกเมนต์เก๋งขนาดกลางที่ “โตโยต้า คัมรี่” ยังขายดีกว่า “ฮอนด้า แอคคอร์ด” รวมถึงบี-เอสยูวี ที่ “โตโยต้าโคโรลล่า ครอส” ทิ้ง “ฮอนด้า เอชอาร์-วี” ไปไกลส่วนกลุ่มอีโคคาร์ยังสู้กันสูสีระหว่าง “ฮอนด้า ซิตี้” กับ “โตโยต้า ยาริส”

ทั้งนี้ ในกลุ่มบี-เอสยูวี ราคาประมาณ 8 แสนบาท-1.2 ล้านบาท ยอดขาย 6 เดือนแรกของปี 2564 “โตโยต้า โคโรลล่า ครอส” โกยไป 9,653 คัน ตามด้วย “เอ็มจี  แซดเอส” 6,378 คัน “มาสด้า ซีเอ็กซ์-30” ทำได้ 4,194 ส่วน “ฮอนด้า เอชอาร์-วี” ตามมาเป็นอันดับสี่ 2,738 คัน

ตามที่ซีอีโอ ฮอนด้า ออโตโมบิลประเทศไทย ยืนยันว่า หลังเปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค แล้ว จะมีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวตามมาอีก เพื่อรักษาแชมป์ยอดขายรถยนต์นั่งในปีนี้โดยรถยนต์รุ่นนั้นคงหนีไม่พ้น “ฮอนด้าเอชอาร์-วี ใหม่” ที่เผยโฉมรุ่นโมเดลเชนจ์แล้วในประเทศญี่ปุ่น

สำหรับเมืองไทย “ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่” All new Honda HR-V  มีแผนขึ้นไลน์ประกอบและเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ มีทางเลือกเดียวคือขุมพลังไฮบริด e:HEV เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า และแม้จะเป็นโฉมใหม่ แต่ยอดขายที่โดน “โคโรลล่า ครอส ทิ้งห่าง และเหลือเวลาทำตลาดในปี 2564 ไม่มาก อาจจะเป็นเรื่องยากที่ฮอนด้า จะไล่โตโยต้าในเซกเมนต์บี-เอสยูวี