“ลัมโบร์กินี-เฟอร์รารี่” ประกาศปรับทัพธุรกิจในไทยใหม่ โดยแบรนด์กระทิงเปลี่ยวแต่งตั้ง"ชาริช โฮลดิ้ง"เป็นผู้จำหน่ายแทน“นิชคาร์” ส่วนม้าลำพองของ “คาวาลลิโน” ลงทุน 50 ล้านบาทขยายศักยภาพศูนย์บริการ พร้อมเปิดป๊อปอัพสโตร์บนห้างหรู
ชะลอการทำตลาดมาร่วม 1 ปีสำหรับ “ลัมโบร์กินี” ซูเปอร์คาร์จากอิตาลี หลังจาก “นิชคาร์” ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ตรวจสอบเรื่องการสำแดงราคารถตํ่าเพื่อใช้คำนวณภาษีนำเข้า เป็นเหตุให้รัฐบาลสูญเสียรายได้มหาศาล จนกลายเป็นมหากาพย์ส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์แบรนด์ ความโปร่งใสในการทำธุรกิจ และสะท้อนไปยังบริษัทแม่ที่อิตาลี
ล่าสุด “นิชคาร์” ส่งแถลงการณ์ชี้แจงว่า ต้องยุติการทำตลาด “ลัมโบร์กินี” หลังสัญญากับบริษัทแม่หมดลงในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้
[caption id="attachment_295683" align="aligncenter" width="377"]
โชว์รูมลัมโบร์กินีของนิชคาร์บนสยามพารากอนปิดการให้บริการหลังโดนดีเอสไอตรวจสอบ[/caption]
“นิชคาร์ ยังคงเป็นผู้นำเข้าแบรนด์รถยนต์หรูอย่างถูกต้องทุกแบรนด์เช่นเดิม (แมคลาเรน,โลตัส, ปากานี, โคนิกเซ็กก์, ฮัมเมอร์) ยกเว้นแบรนด์ลัมโบร์กินี ซึ่งสัญญาการเป็นผู้แทนจำหน่ายจะสิ้นสุดลงวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ และไม่มีการพูดคุยเรื่องการต่อสัญญา แต่นิชคาร์สามารถให้บริการหลังการขายลัมโบร์กินีได้ตามปกติ” นายวิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวและว่า
ทิศทางการดำเนินธุรกิจในอนาคต นิชคาร์มีแผนการพัฒนาความสามารถของทีมผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความเป็นมืออาชีพในการมอบบริการแก่ลูกค้าทุกราย พร้อมแผนขยายบริการหลังการขาย ในด้านการดูแลรักษาสีรถเพิ่มเติมให้มีบริการแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น
“เรามีประสบการณ์ในการซ่อมบำรุงรถยนต์ลัมโบร์กินีมากที่สุด พนักงานได้รับการฝึกอบรมจากโรงงานโดยตรงทำให้มีความเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาของรถยนต์ลัมโบร์กินีทุกรูปแบบ พร้อมคลังชิ้นส่วนและอุปกรณ์ประดับยนต์ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมรถยนต์ระดับหรูทุกรุ่น” นายวิทวัสกล่าว
ทั้งนี้ นิชคาร์เคยประกาศว่า ใช้เงินลงทุน 20 ล้านบาท เพื่อสร้างศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง สำหรับรถยนต์ซูเปอร์ทุกแบรนด์บนพื้นที่ประมาณ 4,000 ตารางเมตร ที่โชว์รูมมอเตอร์เวย์ รองรับรถ 80 คันต่อเดือน และเตรียมเปิดให้บริการภายในไตรมาส 3
ส่วนรถยนต์ที่จะเป็นพระเอกของนิชคาร์แทนลัมโบร์กินี คงหนีไม่พ้น “แมคลาเรน” ซูเปอร์คาร์จากประเทศอังกฤษที่เพิ่งเปิดตัวรุ่น 720เอส มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน วี8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 720 แรงม้า อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. 7.8 วินาที ราคาเริ่มต้น 26.5 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดจอง 30 คันต่อปี
ขณะที่ความคืบหน้าของการเป็นผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการของลัมโบร์กินี ในเมืองไทย มีกระแสข่าวว่าบริษัทแม่ที่อิตาลีได้เลือกรายใหม่แทนที่นิชคาร์เอาไว้แล้ว นั่นก็คือ "ชาริช โฮลดิ้ง" ที่นำโดย "อภิชาติ ลีนุตพงษ์"
ปัจจุบัน "ชาริช โฮลดิ้ง" ดูแลตลาดของ ดูคาติ,รอยัล เอนฟิลด์, นิว (NIU) รถสกูตเตอร์ไฟฟ้า 100%, ไอโรบอต หุ่นยนต์ดูดฝุ่น, บีวายดี รถยนต์ไฟฟ้าและโรงงานผลิตแบตเตอรี่ และการเป็น Exclusive Distributor ของ RevoZport และ Unplugged Performance แห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งเป็นสำนักแต่งรถเทสลา
[caption id="attachment_295756" align="aligncenter" width="503"]
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล-อภิชาติ ลีนุตพงษ์ สองผู้บริหารใหญ่ของชาริช โฮลดิ้ง[/caption]
ด้าน “เฟอร์รารี่”โดย “คาวาลลิโน มอเตอร์” ที่ดูแลตลาดในไทยมา 9 ปี เพิ่งประกาศขยายศูนย์ซ่อมบำรุงแห่งใหม่ ในพื้นที่โชว์รูมเดิมบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ด้วยงบลงทุน 50 ล้านบาท (รวมแผนพัฒนาบุคลากร และซอฟต์แวร์) แล้วเสร็จปลายปีนี้ หวังรองรับเฟอร์รารี่ที่เป็นลูกค้าของคาวาลลิโนจำนวน 400-500 คัน จากจำนวนเฟอร์รารี่ทั่วประเทศกว่า 700 คัน
ล่าสุดเปิดตัว “พอร์โตฟิโน” ซึ่งถือเป็นรุ่นที่หวังทำยอดขาย ด้วยลักษณะการใช้งาน และการเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่าเฟอร์รารี่หลายๆ รุ่น (เพราะบางรุ่นต้องรอนานหรือมีเงินก็ซื้อไม่ได้)
สำหรับ“พอร์โตฟิโน” เป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนเครื่องยนต์วางหน้า จะเข้ามาทำตลาดแทนรุ่น “แคลิฟอร์เนีย”วางเครื่องยนต์เบนซิน วี8 ขนาด 3.9 ลิตร เทอร์โบ 600 แรงม้า ประกบเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.5 วินาที ราคาขาย 20.9 ล้านบาท โดยคาวาลลิโน หวังว่า “พอร์โตฟิโน” จะมียอดขายรวม 25% จากรถทุกรุ่นภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้
นางนันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ด้วยความสะดวกในการใช้งาน สามารถขับได้ในชีวิตประจำวัน เชื่อว่า“พอร์โตฟิโน”จะเข้ามาสานต่อความสำเร็จของรุ่นแคลิฟอร์เนีย ด้วยการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ในเมืองไทยได้
เหนืออื่นใด ในปีนี้บริษัทยังมีคอนเซ็ปต์ใหม่ ด้วยการทำโชว์รูมเฟอร์รารี่ขนาดเล็ก หรือ “ป๊อปอัพ สโตร์” ที่เป็นโครงสร้างที่เคลื่อนย้ายไปตามสถานที่ต่างๆ ได้ และสามารถจอดเฟอร์รารี่เพื่ออวดโฉมได้หลายคัน ถือเป็นการนำแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเข้าไปใกล้ชิดกับคนไทยมากขึ้น ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากสิงคโปร์ที่ดำเนินแผนการนี้
“ป๊อปอัพ สโตร์ของเฟอร์รารี่ จะไปอยู่ตามจุดสวยๆ ของห้างสรรพสินค้าดังๆ ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ต่อหนึ่งแห่ง โดยจะเริ่มจากห้างดิเอ็มควอเทียร์ในเดือนกรกฎาคมนี้ และจะย้ายไปห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพฯและจังหวัดอื่นๆต่อไป” นางนันทมาลี กล่าว
หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,381 วันที่ 8 - 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2561