ตลาดบี-เอสยูวี แข่งเดือด ค่ายใหญ่โตโยต้า เตรียมอวดโฉม “ซีเอช-อาร์” ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป พร้อมรับจองสิทธิ์ซื้อล่วงหน้า คาดราคาเริ่มต้นประมาณ 9 แสนบาท ส่วนน้องใหม่ “เอ็มจี” เสริมทัพ “แซดเอส” เน้นความคุ้มค่า ออพชันเพียบ หวังขาย 1.2 หมื่นคันต่อปี
เมื่อรถยนต์อเนกประสงค์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียง “คอมแพ็กต์เอสยูวี” ราคาหลักล้าน ปัจจุบันหลายค่ายรถยนต์ทยอยเสริมทัพเอสยูวีหรือครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัด ราคาเข้าถึงได้ง่ายในระดับ “บี-เอสยูวี” ซึ่งถือเป็นการเปิดเซ็กเมนต์ใหม่ให้ตลาดรถยนต์ในช่วง 3-4 ปีหลัง
ดังนั้นเอสยูวีจากที่มีบทบาทเพียงน้อยนิด แต่ในระยะหลังเริ่มตีกินทั้งกลุ่ม ดี-เซ็กเมนต์ และ ซี-เซ็กเมนต์ มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ในปัจจุบันเอสยูวีครองสัดส่วนการขายถึง 20% จากตลาดรถยนต์นั่งทั้งหมด
โดยเจ้าตลาดเอสยูวี (ที่พัฒนาบนพื้นฐานรถยนต์นั่ง) ต้องยกให้ฮอนด้าที่มีทั้ง ซีอาร์-วี,เอชอาร์-วี และบีอาร์-วี รวมแล้วมีส่วนแบ่งในตลาดเอสยูวีเมืองไทยกว่า 60%
อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปฮอนด้าอาจจะเจองานยากมากขึ้น เมื่อผู้เล่นหลายรายเริ่มขยับเข้าหาตลาด “บี-เอสยูวี” อย่างจริงจัง ซึ่งมีทั้งค่ายใหญ่ “โตโยต้า” และน้องใหม่ “เอ็มจี”
ในส่วนโตโยต้า มีกระแสข่าวมาสักระยะแล้วว่า เตรียมทำตลาด “ซีเอช-อาร์” ครอสโอเวอร์ที่เป็นคู่ปรับตรงๆของฮอนด้า “เอชอาร์-วี” ล่าสุดผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจที่ร่วมเดินทางไปทดสอบรถยนต์รุ่นดังกล่าวถึงประเทศญี่ปุ่น ตามคำเชิญของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยืนยันว่า โตโยต้าจะนำ “ซีเอช-อาร์” มาอวดโฉมในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้แน่นอน มากไปกว่านั้นยังเปิดให้ลูกค้าได้จองสิทธิ์ซื้อ หรือลงชื่อจองคิวกันไว้ล่วงหน้า ก่อนที่รถจะเปิดตัวพร้อมประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการช่วงต้นปี 2561
สำหรับ “ซีเอช-อาร์” รุ่นขายจริงเปิดตัวครั้งแรกที่งาน “เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2016” แต่เมืองไทยนำโฉมต้นแบบมาเปิดตัวในช่วงเวลาใกล้เคียงกันที่งาน “บางกอก มอเตอร์โชว์ 2016” (รุ่นต้นแบบเปิดตัวสู่สายตาชาวโลก ในงานแฟรงก์เฟิร์ต 2015) โตโยต้าระบุว่า นี่เป็นคอมแพ็กต์ ครอสโอเวอร์ ที่ผสมระหว่างรถยนต์ประเภท บี-เอสยูวี กับ ซี-เอสยูวี การออกแบบโฉบเฉี่ยวมาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด
นอกจากรุ่นขุมพลังไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าแล้ว ซีเอช-อาร์ ยังมีรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ซีวีที โดยโตโยต้า ประเทศไทย ไม่เลือกวางเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เทอร์โบ และ 2.0 ลิตร ตามที่มีข่าวลือมาก่อนหน้า
การใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร และไฮบริด เชื่อว่าโตโยต้าจะวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจนและทำตลาดง่ายกว่า โดยรุ่นแรกน่าจะตั้งราคาให้ใกล้เคียงกับฮอนด้า เอชอาร์-วี หรือ ประมาณ 9 แสนบาท ส่วนรุ่นไฮบริด ขยับขึ้นไปเสียบช่องว่างที่“พริอุส”เคยทิ้งเอาไว้คือ 1.1-1.2 ล้านบาท
ด้าน “เอ็มจี” แบรนด์อังกฤษเจ้าของจีน (SAIC) ทำตลาดในไทยโดยกลุ่ม “ซีพี” ล่าสุดเสริมทัพบี-เอสยูวีรุ่น “แซดเอส” เข้ามาผนึกกำลังกับรุ่นพี่ “จีเอส” และคาดว่าในปีหน้ารถยนต์ 2 รุ่นนี้จะครองสัดส่วนขายมากกว่า 50% จากรถเอ็มจีทุกรุ่น
โดย “เอ็มจี แซดเอส” วางเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ (รุ่น “จีเอส” มีให้เลือกทั้ง 1.5 ลิตร เทอร์โบ และ 2.0 ลิตร) ประกบเกียร์อัตโนมัติ 4สปีด แบ่งขาย 3 รุ่นย่อย ราคา 6.79-7.89 แสนบาท ตั้งเป้าหมายการขายไว้ 1.2 หมื่นคันต่อปี
ทั้งนี้ เอ็มจี แซดเอส ยังชูความเป็น ‘รถยนต์อัจฉริยะ’ ด้วยระบบ i-SMART สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆภายในรถยนต์ ด้วยการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย และผ่านแอพพลิเคชันบนมือถือ
สำหรับระบบ i-SMART สามารถควบคุมสั่งการได้ 3 วิธี คือ สั่งการผ่านระบบ Voice command ภาษาไทย สั่งการผ่านหน้าจอทัชสกรีนภายในรถ และการสั่งการผ่านไอสมาร์ทแอพพลิเคชัน จากสมาร์ทโฟนซึ่งผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านแอพพลิเคชันในสมาร์ทโฟน ค้นหาจุดหมาย อาทิสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม หรือร้านอาหาร ด้วยสมาร์ทเนวิเกเตอร์รวมถึงตรวจสอบสภาพการจราจรได้แบบเรียลไทม์
“กลุ่ม บี-เอสยูวี ถือเป็นตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง และเอ็มจี แซดเอส ก็ตอบสนองความต้องการนั้น พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ ด้วยการจัดออพชันมากที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ซึ่งเราพร้อมแข่งขันกับกลุ่ม บี-เอสยูวี ที่วางเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ 1.8 ลิตร ขณะเดียวกันยังมีโอกาสไปกินยอดขายในกลุ่มซับคอมแพกต์ ทั้งตัวถังซีดานและแฮทช์แบ็ก อีกด้วย” นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและว่า
การขายรถ สุดท้ายต้องมาแข่งขันกันที่ความคุ้มค่า และประโยชน์ใช้สอย ซึ่ง เอ็มจี แซดเอส เป็นรถยนต์ ‘อัจฉริยะ’ รุ่นแรกของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย หรือเริ่มต้นเพียง 6.79 แสนบาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี โดยรถพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้
สำหรับ แซดเอส พร้อม i-SMART จะให้ลูกค้าใช้บริการระบบนี้ฟรี 5 ปี ขณะที่ตัวรถเริ่มผลิตที่โรงงานใหม่ของ “เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี” จำกัด บนพื้นที่ 437.5 ไร่ ภายในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 2 จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะทำพิธีเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการวันที่ 8 ธันวาคมนี้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,315 วันที่ 19 - 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560