การเฟสลิฟต์ของ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเค” (Mercedes-Benz SLK) เจเนอเรชันที่3 เมื่อปีที่แล้ว ทำให้เราเห็นนโยบายเปลี่ยนชื่อโปรดักต์ในการทำตลาดของเจ้าพ่อรถหรูรายนี้ชัดเจนมากขึ้น
หลังจากกลุ่มเอสยูวีจัดเรียงชื่อเป็น จีแอลเอ จีแอลซี (เดิมชื่อ “จีแอลเค”) จีแอลอี (เดิมเป็น “เอ็ม-คลาส”) และ จีแอลเอส (เดิม “จีแอล”) ให้สอดคล้องกับตำแหน่งการทำตลาดของ เอ,ซี,อี,เอส-คลาส ขณะที่โรดสเตอร์ “เอสแอลเค” ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “เอสแอลซี” แถมได้โอกาสเปลี่ยนรหัสตัวถังจาก R172 เป็น R173
สำหรับ “เอสแอล” (SL) มาจากคำว่า สปอร์ตไลต์ (Sport Light) หรือรถสปอร์ตน้ำหนักเบา ส่วน “ซี” (C) แสดงถึงชั้นคลาสตามที่กล่าวมาด้านบน ซึ่งการทำตลาดในไทยมากับรุ่น SLC 300 AMG Dynamic ราคา 3.99 ล้านบาท และตัวแรง Mercedes-AMG SLC 43 ราคา 4.99 ล้านบาท
ผมนำ SLC 300 AMG Dynamic มาลองขับครับ เห็นการเปลี่ยนแปลงกับกระจังหน้า ชายกันชนด้านล่างที่ออกแบบใหม่ และปรับรายละเอียดในโคมไฟหน้าและหลัง พร้อมล้ออัลลอย 18 นิ้ว ส่วนภายในปรับเปลี่ยนวัสดุและลวดลายการตกแต่งเล็กน้อย ตรงหัวเกียร์มีอักษร SLC (กลัวว่าเข้ามานั่งแล้วไม่รู้ว่าเป็น SLK หรือ SLC) พร้อมจัดสรรพื้นที่พอดีตัว วางสองที่นั่งคู่กับเบาะหนัง Nappa ที่ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด ไฟ Ambient Lighting มีให้เลือก 3 สี และระบบเครื่องเสียงเล่นวิทยุ-ซีดี MB Audio 20 เชื่อมต่อบลูทูธ รองรับระบบนำทาง
ส่วนท่านั่งไม่ถึงกับอึดอัด แต่ต้องยอมรับกับความเตี้ยของเบาะและพื้นห้องโดยสารที่ส่งผลให้มุมมองด้านหน้าจำกัด เช่นเดียวกับการเข้า-ออกลำบาก(เมื่อปิดหลังคา) “เอสแอลซี” เป็นโรดสเตอร์หลังคาแข็งกางออก-พับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้า เมื่อขับตอนปิดหลังคาภายในห้องโดยสารเงียบดี เก็บงานเนี้ยบทุกรอยต่อ ส่วนจังหวะที่อยากเท่เปิดหลังคาแล้วยกกระจกข้างขึ้นมา ลมก็ไม่เข้ามาปะทะหนังหน้าให้เสียผิว (แต่แดดจัดการพี่ไปเรียบร้อยแล้วละ) ต้องชื่นชมเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่วางเทคนิคจัดการทางของลมปะทะหรือการไหลของอากาศด้านข้างตัวรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
…จริงอยู่ที่อาจจะหาโอกาสเปิดหลังคาลำบาก แต่ถ้ามีเวลาและสถานที่อำนวย การเปิดหลังคาขับน่าจะช่วยให้ชีวิตคุณสุนทรีย์มีความสดชื่นขึ้นมาอีกเยอะ
อีกหนึ่งจุดเด่นของ SLC 300 AMG Dynamic ต้องยกให้ระบบขับเคลื่อนทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 245 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ถ้าเทียบกับ SLK 200 ตัวเดิมที่ผมเคยขับ วางเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบ ประกบเกียร์ 7 สปีด ต้องบอกว่ารุ่นใหม่เหนือชั้นกว่ามาก
กล่าวคือ เด็ดขาดกว่าทั้งความแรง อัตราเร่ง แต่แฝงความนุ่มนวลในการตอบสนองต่อแรงกดของเท้าขวา(คนขับ)
…เรียกว่าแรงแบบแอบแฝงความสุภาพ จากจุดหยุดนิ่งออกตัวไล่ความเร็วไปถึง 100 กม./ชม. ใช้เวลาไม่ถึง 6 วินาที การเปลี่ยนเกียร์รวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีโหมด Dynamic Select เลือกได้ว่าจะเอา Eco Comfort Sport หรือ Sport+ ขณะเดียวกันในแต่ละโหมดคุณยังเข้าไปเลือกการตอบสนองของขุมพลัง เกียร์และการควบคุมได้แบบเฉพาะตัวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเลือกโหมดต่างๆ น่าจะรับรู้การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของระบบขับเคลื่อนและการควบคุมเท่านั้นครับ เพราะในส่วนช่วงล่างก็ยังไม่ค่อยนุ่มนวลไม่ว่าจะอยู่ในโหมดไหน ด้วยโครงสร้างรถและการใช้ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ประกบยางแก้มเตี้ยอย่างไรเสีย คุณจะรับรู้อาการสะท้านจากพื้นถนนมาระดับหนึ่งอยู่แล้ว
รถสปอร์ตขับสนุก คล่องแคล่วว่องไว ช่วงล่างหนึบแน่น ดังนั้นถ้าต้องการความสบาย รถคันนี้คงไม่ใช่คำตอบ ซึ่งความสามารถในการปรับโหมด Dynamic Select ก็ไม่ได้เข้ามาช่วยเรื่องความนุ่มสบายเท่าไหร่นัก
ด้านพื้นที่เก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงหลังเหลือไม่มากครับ สามารถใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กได้แต่ถ้าขนาดเกินกว่านี้ไม่ไหว เพราะส่วนหนึ่งต้องแบ่งพื้นที่ให้ชุดพับหลังคาแข็ง
ปิดท้ายด้วยอัตราบริโภคน้ำมัน สำหรับการขับเฉลี่ยๆในเมือง-นอกเมือง(ความเร็ว 100-120 กม./ชม.)เห็นตัวเลขประมาณ 7.4 ลิตรต่อ 100 กม. หรือ 13.51 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...สปอร์ตคาร์ชั้นดีที่ได้เครื่องยนต์และเกียร์ชุดใหม่ ให้ความกระปรี้กระเปร่า จัดหนักอัดเต็มทุกย่านความเร็ว กับรุ่นย่อย SLC 300 ในราคานี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้สร้างความประหลาดใจอีกแล้ว
ขณะที่คู่แข่งอย่าง “บีเอ็มดับเบิลยู แซด4” ยุติการทำตลาด ส่วน“ปอร์เช่ บ๊อกซเตอร์” ราคาโดดไปกว่า 7 ล้านบาท ดังนั้นใครกำลังมองหาโรดสเตอร์หรูทางเลือกตอนนี้ชี้เป้ามาที่ SLC ครับ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,230 วันที่ 26 - 28 มกราคม 2560