เทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือ วันไหว้พระจันทร์ประจำปี 2568 ใกล้เข้ามาแล้ว โดยในปีนี้วันไหว้พระจันทร์ตรงกับวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2568 สำหรับพี่น้องคนไทยเชื้อสายจีน เมื่อถึงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ก็จะมีพิธีไหว้ตามประเพณี ซึ่งการไหว้แต่ละครั้ง จะต้องนำอะไรมาไหว้บ้าง เคล็ดลับขอพระ บทสวดในการไหว้พระจันทร์มีหรือไม่ รวมไปถึงประวัติความเป็นมา ตำนานของเทศกาลวันไหว้พระจันทร์จะมีที่มาที่ไปอย่างไร วันนี้ "ฐานเศรษฐกิจ"จะมัดรวมข้อมูลมานำเสนอดังต่อไปนี้
ตามธรรมเนียมประเพณีแต่เดิมมักจะไหว้ 3 เวลา
วันไหว้พระจันทร์ ถือเป็นเทศกาลที่ปฏิบัติต่อเนื่องกันมานานหลายพันปี โดยในวันดังกล่าวถือเป็นวันที่พระจันทร์ส่องสว่าง - เต็มดวง แลดูสวยงามที่สุด ซึ่งชาวจีนเชื่อกันว่าดวงจันทร์เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความสามัคคี เป็นวันที่คนในครอบครัวจะได้แสดงความสามัคคี ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา และได้ชมดวงจันทร์พร้อมหน้ากัน สำหรับประวัติความเป็นมาของวันไหว้พระจันทร์ มีหลากหลายตำราที่ได้บอกเล่ามา ซึ่งในวันนี้ "ฐานเศรษฐกิจ"อ้างอิงข้อมูลของ"ปณิตา สระวาสี" จากศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ที่ได้รวบรวมตำนานเกี่ยวกับกำเนิดการไหว้พระจันทร์ที่มีหลายตำนาน แต่ที่แพร่หลายและรู้จักกันดีมีอยู่ 5 ตำนาน ได้แก่
1. ตำนานฉางเอ๋อร์เหินสู่ดวงจันทร์ เล่ากันว่าในยุคบรรพกาลมีดวงอาทิตย์ขึ้น 10 ดวง แผดเผาผู้คนเดือดร้อนไปทั่ว มีชายหนุ่มผู้หนึ่งชื่อโฮ่วอี้ ใช้ธนูยิงพระอาทิตย์ดับไป 9 ดวง โลกจึงเย็นลงและเหล่ามนุษย์ก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติสุข วีรกรรมของโฮ่วอี้ได้รับการแซ่ซ้องจากผู้คน พระแม่เจ้าซีหวางหมู่เทพมารดรได้ประทานยาวิเศษกินแล้วเป็นอมตะให้ 2 เม็ด แต่เขาไม่ประสงค์เช่นนั้นจึงไม่ได้กินและฝากยาไว้กับภรรยาชื่อฉางเอ๋อร์ แต่มีชายจิตใจชั่วร้ายหวังขโมยยาตอนที่โฮ่วอี้ไม่อยู่บ้าน ใช้อุบายหลอกฉางเอ๋อร์ให้มอบยาวิเศษ แต่นางไม่ยอมและเมื่อเหตุการณ์คับขันนางจึงกินยา 2 เม็ดนั้นเสียเอง ทำให้ตัวเบาลอยละล่องสู่ท้องฟ้า ร่างของนางลอยสถิตอยู่ในดวงจันทร์ในวันนั้นซึ่งเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือน 8 พอดี ประชาชนต่างซาบซึ้งในความดีของนางจึงจัดพิธีเซ่นไหว้ฉางเอ๋อร์ในวัน 15 ค่ำ กลางเดือน 8 ทุกปีจนกลายเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์
2. ตำนานอู่กังในดวงจันทร์ อู๋กังเป็นคนเกียจคร้านไม่มีวิชาความรู้ แต่ฝันอยากจะเป็นเซียน พระเจ้าจึงลงโทษให้เขาไปโค่นต้นกุ้ยฮวาในดวงจันทร์ หากทำสำเร็จจะได้เป็นเซียน แต่ต้นกุ้ยฮวาสูงถึง 500 จ้างหรือกว่า 5,000 ฟุต แต่จนแล้วจนรอดอู๋กังก็ยังทำไม่สำเร็จจนทุกวันนี้
3. ตำนานกระต่ายหยก ครั้งหนึ่งมีเทพสามองค์จำแลงเป็นคนชรามาขออาหารกับลิง หมาจิ้งจอก และกระต่าย แต่มีเพียงกระต่ายที่สงสารแต่ไม่มีอาหารจะให้ กระต่ายจึงกระโดดเข้ากองไฟสละเนื้อตัวเองเป็นอาหาร เทพทั้งสามชื่นชมในความดีของกระต่ายจึงพาไปอยู่กับฉางเอ๋อร์ มีหน้าที่ตำยาวิเศษ
4. ตำนานขนมไหว้พระจันทร์ ในสมัยพระเจ้าถังเกาจู่ ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ถัง แม่ทัพหลี่จิ้งยกทัพไปปราบชนเผ่าซุงหนูได้ชัยชนะกลับมาในวัน 15 ค่ำ กลางเดือน 8 ประชาชนต่างยินดีและต้อนรับด้วยการจัดพิธีไหว้พระจันทร์ มีพ่อค้าชาวทิเบตที่เป็นมิตรกับราชวงศ์ถังร่วมแสดงความยินดีด้วยการทำขนมไหว้พระจันทร์ถวายพระเจาถังเกาจู่ พระองค์แบ่งขนมให้ขุนนางและแม่ทัพนายกองกิน จนกลายเป็นประเพณีไหว้พระจันทร์ ตามเจตจาของขนมไหว้พระจันทร์อยู่ที่การเฉลิมฉลองและแบ่งปันความสุข
5. ตำนานเกี่ยวกับการนัดก่อการโค่นล้มราชวงศ์หยวนโดยจูหยวนจาง ตำนานนี้อิงประวัติศาสตร์จีนในสมัยราชวงศ์หยวนที่สถาปนาโดยกุบไลข่านหรือชาวมองโกล ปลายราชวงศ์ประชาชนถูกกดขี่ข่มเหง เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า จูหยวนจางเป็นหนึ่งขบวนการใต้ดินที่ต้องการโค่นล้มพวกมองโกล
เขานัดหมายก่อการในวัน 15 ค่ำ กลางเดือน 8 โดยเอาประเพณีมอบขนมไหว้พระจันทร์ให้กันบังหน้าตบตาพวกมองโกล โดยสอดจดหมายนัดแนะวันก่อการไปในขนมที่จงใจออกแบบให้เป็นขนมเปี๊ยะก้อนใหญ่ไส้หนาเป็นพิเศษ ในที่สุดสามารถโค่นล้มราชวงศ์หยวนสำรวจ จูหยวนจางตั้งตนเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์หมิง ชาวจีนจึงยึดเอาวันเพ็ญเดือน 8 เป็นวันไหว้พระจันทร์สืบมา เพื่อรำลึกถึงการปลดแอกจากพวกมองโกล
ที่มาข้อมูล-ภาพ