เที่ยวรับลมหนาวตระการตาดอกไม้นับแสนต้น "เทศกาลสีสันแห่งดอยตุง"

ฟิลลิ่งการได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ท่ามกลางธรรมชาติบนดอยตุงช่วงหน้าหนาวนี้ ต้องบอกว่าสุขที่สุด ฟินไปกับ “เทศกาลแห่งความสุขที่สูงที่สุดในไทย” ที่ล่าสุด “มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง” ได้เนรมิตพื้นที่แห่งนี้เติมเต็ม “สีสันแห่งดอยตุง”

ขึ้น “ดอยตุง” นอกจากทุกคนจะเข้ามาชม “พระตำหนักดอยตุง” ที่ประทับทรงงานของ “สมเด็จย่า” สถาปัตยกรรมแบบล้านนาผสมผสานบ้านพื้นเมืองของชาวสวิตเซอร์แลนด์จุดเด่นคือ เพดานดาวภายในท้องพระโรงแกะสลักจากไม้สนภูเขา ลวดลายเป็นกลุ่มดาวที่ล้อมรอบระบบสุริยะตามตำแหน่งจริง เมื่อวันที่  21 ตุลาคม พ.ศ. 2443 ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จย่า หากมาช่วงนี้ยังได้เที่ยวเทศกาลสีสันแห่งดอยตุงด้วย

บอกเลยว่าเทศกาลสีสันดอยตุงปีนี้ ตื่นตากว่าทุกปี ไฮไลต์อยู่ที่ “สวนแม่ฟ้าหลวง” โฉมใหม่ที่ได้ผสานภูมิทัศน์รูปแบบใหม่ ภายใต้การรังสรรค์ จาก ธัชพล สุนทราจารย์ ภูมิสถาปนิกชื่อดังระดับประเทศ ที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้เชิญมาออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Palette of Flowers ที่สีสันของทุ่งดอกไม้และพันธุ์ดอกไม้จะเปลี่ยนไปในทุกฤดูกาล ทำให้สวนแม่ฟ้าหลวงสวยงามตลอดปี

ตื่นตาตื่นใจไปกับสีสันของดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์ 100,000 ต้น ที่ชาวดอยตุงปลูกเอง ภายในสวนแม่ฟ้าหลวงโฉมใหม่ ใจกลางลานดอกไม้มีปฏิมากรรม “ความต่อเนื่อง” เป็นรูปปั้นเด็กยืนต่อตัว ผลงานของประติมากรชื่อดัง มิเซียม ยิบอินซอย

ทุ่งดอกไม้เมืองหนาวนับแสนต้นจากดอกไม้ 10 สายพันธุ์ อาทิ ดอกบลูซัลเวีย ดอกแวววิเชียร ดอกดาวกระจายโซนาต้า ดอกรองเท้านารี ดอกกล้วยไม้พันธุ์ฟาแลนนอปซิส เหมือนระบายดอยด้วยสีพาสเทลทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกจุดถ่ายรูปเช็คอินแห่งใหม่ ในฟิลทุ่งดอกไม้ท่ามกลางขุนเขา

มาที่นี่อดใจไม่ได้ที่จะเพลิดเพลินไปกับการชม 10 ดอกไม้เด่นในสวนแม่ฟ้าหลวง ที่ไม่ใช้แค่สวย แต่ยังมาพร้อมกับความหมายสุดประทับใจอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น

• Blue Salvia “บลูซัลเวีย” สีม่วงอมน้ำเงิน สื่อถึง ความสงบ ความคิดถึง การมีสุขภาพดีและอายุยืน นิยมนำไปเป็นดอกไม้เยี่ยมไข้
• Blue Hawaii “บลูฮาวาย” สีม่วง ความงามที่เบ่งบานท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ในอากาศเย็นสบาย เป็นความสง่างามและน่าค้นหา
• Pink Angelonia “แวววิเชียร” สีม่วงลาเวนเดอร์อมชมพู เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุข และชวนให้นึกถึงความรักในอดีต
• Begonia Big Rose “บีโกเนีย” หรือ “กุหลาบใหญ่ใบทองแดง” สีชมพูกุหลาบสวยสง่า นิยมใช้สารภาพรักทั้งยังแฝงความหมายถึงความสามัคคีและความกตัญญูด้วย
• Euphorbia Glitz “ยูโฟเบีย กลิตซ์” สีขาว ดอกเล็กน่ารัก น่าทะนุถนอม และบริสุทธิ์ เมื่ออยู่รวมกันเยอะๆ จะให้ความรู้สึกถึงพลังและความสง่างาม
•  New Guinea Impatiens “เทียนนิวกินี” สีชมพูบานเย็น ดอกไม้ที่สื่อถึงความรักของแม่ ในภาษาดอกไม้ยังหมายถึงสีสันและความรื่นเริง
• Sonata Pink Cosmos “ดาวกระจายโซนาต้า” หรือ ดอกคอสมอส สีชมพูอ่อนแสนหวาน เป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิง และตัวแทนของความรักที่ละเอียดอ่อน การเฉลิมฉลองความรัก การเริ่มต้นใหม่ และความสามัคคี

• Anthurium “ดอกหน้าวัว” มีรูปร่างคล้ายหัวใจ สีสันสดใส และอยู่ยืนยาว เปรียบดังความรักที่มั่นคง 
• Paphiopedilum หรือ Lady’s slipper Orchid รองเท้านารี มีรูปร่างคล้ายกับรองเท้าของสตรี และ Paphia หมายถึงเทพธิดาแห่งความรักและความงามของผู้หญิง
• Phalaenopsis Orchid “ดอกกล้วยไม้พันธุ์ฟาแลนนอปซิส” สื่อถึงความรัก การเติบโต ความหรูหราและมั่งคั่ง

หลังชมทุ่งดอกไม้จนเพลินตา ถึงเวลาเข้ามุม “ระเบียงดอย” จุดชมวิวแห่งใหม่ภายในสวนแม่ฟ้าหลวง นั่งคาเฟ่ “Slow Bar” กลางสวนดอกไม้สำหรับดื่มด่ำกาแฟดริปสุดพิเศษเฉพาะงานสีสันแห่งดอยตุงครั้งนี้

พร้อมฟินกับไอศกรีมดอยตุง 3 ลายออกใหม่ ที่ได้แรงบันดาลใจจาก 3 สัญลักษณ์ในสวน คลีเอดมาเป็น “ไอศกรีมดอกไม้ระบายดอย” รสอัญชันน้ำผึ้งมะนาว “ไอศกรีมน้องหมี่ก่า” รสนมชมพู และ “ไอศกรีมน้องโต” รสชาไทย อร่อยท้าลมหนาว ก่อนทานต้องนำไปถ่ายรูปคู่กับสวนสวยก่อนดีกว่า ได้มุมเก๋ๆดี

แล้วอย่าลืมไปแวะถ่ายภาพ “โตยักษ์” สัตว์แห่งความโชคดีในตำนานของชาวไทยใหญ่ 1 ใน 6 ชนเผ่าบนดอยตุง หนึ่งในแลนด์มาร์คคลาสสิกของสวนแม่ฟ้าหลวง ประติมากรรมที่สูงกว่า 9 เมตร มีลักษณะหัวเหมือนกวาง ตัวเหมือนสิงโต

นอกจากนี้ยังมีบรรยากาศความสนุกอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความหลากหลายทางวัฒนธรรมผ่านแฟชั่นชุดประจำเผ่า รวมถึงได้ซึมซับวัฒนธรรม 6 ชนเผ่าบนดอยตุง อาข่า ลาหู่ ไทใหญ่ ไทลื้อ ไทลัวะ และจีนยูนนาน ที่หาชมได้ยาก ทั้งการแสดงร้องเล่นเต้นโชว์ แบบดั้งเดิมและร่วมสมัยกว่า 19 กิจกรรม อาทิ ชาติพันธุ์นานาไหว้สาแม่ฟ้าหลวง ธิดายอหมื่อ กระทุ้งไม้ไผ่อาข่าประยุกต์

เพลิดเพลินกับกิจกรรมผ่านงานหัตถกรรมต่างๆ อาทิ วงล้อพาเพลิน เพ้นท์เซรามิค เพ้นท์กระเป๋าผ้า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวและกลุ่มครอบครัวไปเต็มๆ รวมไปถึงยังกิน ฟิน ช้อป ในบริเวณกาดชุมชน บนถนนคนเดินกว่า 80 ร้านจากร้านค้าชุมชน มาให้ช็อปท้าลมหนาว อิ่มอร่อยกับอาหารเหนือและอาหารชนเผ่าสุดลำ ขนมพื้นบ้าน และเครื่องดื่มสูตรพิเศษ อาทิ พิซซ่าหน้าหมูดำบาร์บีคิวเข้ากันดีกับซอสบาร์บีคิวเข้มข้น

ซูชิดอย หมูย่างอาข่า และข้าวปุ๊กปิ้ง ขนมมงคลของชาวไทยใหญ่ ยำหัวบุกเส้นรสเจ็บ แซ่บสะเด็ดไปทั้งดอย แยมคราฟต์ช็อกโกแลต ชาดาวอินคา ชาอินทรีย์อู่หลง สูตรบำรุงหัวใจจากสวนชาออร์แกนิกดอยตุง

ส่วนใครเป็นแฟนอาหารครัวตำหนักไม่ควรพลาด ข้าวเหลืองดอกปุดอุ๊บเนื้อไก่ เมนูใหม่! ประยุกต์จากอาหารชาวไทใหญ่ จับคู่ข้าวสีเหลืองจากดอกปุด กินกับ อุ๊บไก่ หรือ ไก่อบกับพริกแกงสูตรเฉพาะของครัวตำหนัก เฟตตูชินีแกงฮังเลหมู ดอกไม้ มูสดอกอัญชัน ครัมเบิลแมคคาเดเมีย เสิร์ฟพร้อมตะลิงปลิง เป็นต้น

ขณะที่สายช็อปพบกับร้านดอยตุง ไลฟ์สไตล์ นำเสนองานคราฟต์ชนเผ่าทรงคุณค่า ทั้งเสื้อผ้า ของตกแต่งบ้าน ดีไซน์ร่วมสมัยแต่ยังคงเอกลักษณ์ชนเผ่าชาวดอยตุง รวมถึงร้านขายของที่ระลึก DoiTung ที่ได้ไป X กับWHITE HAT. ออกแบบโดย ชะเอม-ปัณรสี ศะศินิล นักวาดภาพประกอบรุ่นใหม่ที่ถ่ายทอดดอกไม้ 7 สายพันธุ์ในสวนแม่ฟ้าหลวงออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ อาทิ เสื้อยืด กระเป๋าผ้า สมุดกระดาษสา แก้วเซรามิก และกระเป๋าใส่เหรียญ

นอกจากนี้ยังเอาใจสายศิลปะและรักธรรมชาติกับการเวิร์กช็อป Tattoo ดอกไม้ดอยตุง เวิร์กช็อปยิงพรม เพ้นท์เซรามิกฯลฯสามารถนำกลับบ้านเป็นของฝากได้อีกด้วยและที่ขาดไม่ได้กับกิจกรรมรักษ์โลกCARBON NEUTRAL EVENT

เทศกาลสีสันแห่งดอยตุงเป็นงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น “ศูนย์” เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายในงานเน้นการใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ และทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กระบอกไม้ไผ่ และใบตอง เป็นต้น ซึ่งชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยคาร์บอนเครดิตด้วย

ความสนุกแบบเต็มอิ่มเทศกาลสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 10 จัดเต็มระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 28 มกราคม 2567 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. หนาวนี้ปักหมุดไว้เลย เพราะนอกจากเราจะได้ดื่มด่ำธรรมชาติอันสวยงามแล้ว ยังได้มีส่วนในการส่งเสริมการจ้างงานเกษตรกรบนดอยตุงนับร้อยชีวิตอีกด้วย

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,947 วันที่ 10 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2566