'Work-Life Balance' พฤติกรรม Gen Z วิถีวัยรุ่นที่องค์กรต้องปรับตัว

02 ก.ย. 2568 | 09:50 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ย. 2568 | 10:16 น.

พาทำความรู้จัก Work-Life Balance วัยรุ่น Gen Z ที่เลือกงานที่ให้ความสุขและความคล่องตัว มากกว่าฐานเงินเดือน องค์กรที่ปรับทัน ดึงพลังสร้างสรรค์ได้เต็มที่

เปิดบทสัมภาษณ์ 2 อาจารย์ระดับอุดมศึกษา ที่บอกเล่ามุมมองที่ผ่านประสบการณ์ทั้งการสอนหนังสือ สัมผัสชีวิตและพฤติกรรมของ "วัยรุ่น Gen Z" อยู่ทุกวัน

ที่กำลังกลายเป็นแรงงานหลักของประเทศ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานอย่างมีนัยสำคัญ

ด้วยทัศนคติ วิถีชีวิตที่แตกต่างจากอดีต ทั้งในเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิต และการมองอนาคตทางการเงิน

 

เจน Z รุ่นที่โตมากับเทคโนโลยี

อาจารย์ผู้สอนนักศึกษาเจน Z ยืนยันตรงกันว่า เด็กยุคนี้คุ้นชินกับเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัล สามารถหาความรู้ได้รวดเร็ว ต่างจากรุ่นก่อนที่ต้องพยายามหาข้อมูลเอง 
อาจารย์โบว์-ภัทราวดี ธีเลอร์  อาจารย์ประจำสาขาวารสารศาสตร์คอนเวอร์เจ้นท์และสื่อดิจิทัลสร้างสรรค์ คณะนิเทศศาสตร์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) กล่าวว่า “เด็กเจน Z จึงมักเป็นคนที่ตรงไปตรงมา ชอบความหลากหลาย ยืดหยุ่น และต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน หากได้รับคำตอบสั้น ๆ หรือกำกวม มักจะรู้สึกไม่เข้าใจและไม่พอใจ

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในการประเมินผลและกติกาที่ชัดเจน หากอาจารย์หรือหัวหน้างานไม่อธิบายเกณฑ์อย่างละเอียด เจน Z อาจตั้งคำถามและไม่ยอมรับได้ง่าย”

อาจารย์โบว์-ภัทราวดี ธีเลอร์  อาจารย์ประจำสาขาวารสารศาสตร์คอนเวอร์เจ้นท์และสื่อดิจิทัลสร้างสรรค์ คณะนิเทศศาสตร์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM)

งานแบบไหนที่ใช่สำหรับเจน Z

“เจน Z ชอบงานที่ยืดหยุ่นและให้คุณค่ากับ Work-Life Balance พวกเขาไม่ต้องการทำงานล่วงเวลาหรือเผชิญงานที่ซ้ำซาก จำเจ” อาจารย์สะท้อน พร้อมเสริมว่าพวกเขายังต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน โปร่งใส และไม่ยอมรับการสื่อสารแบบกำกวม

อาจารย์ภัคภาคิน หาญจริง อาจารย์ประจำสาขาวารสารศาสตร์คอนเวอร์เจ้นท์และสื่อดิจิทัลสร้างสรรค์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เสริมว่า เจน Z เน้นการเรียนรู้ด้วยตนเองและมองหางานที่สร้างความหมาย

ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับสุขภาวะจิตและสมดุลชีวิตสูงกว่าคนรุ่นก่อน “หากองค์กรปรับระบบงานให้เน้นผลลัพธ์มากกว่าการนับชั่วโมง จะสามารถดึงศักยภาพและนวัตกรรมของคนรุ่นนี้ออกมาได้เต็มที่”

โอกาสและจุดที่ต้องพัฒนา

การยึด Work-Life Balance ทำให้เจน Z กล้าปฏิเสธสิ่งที่ไม่ตรงใจ แม้อาจทำให้เปลี่ยนงานบ่อย แต่ก็เป็นแรงกดดันให้องค์กรต้องปรับตัว เปิดทางให้ระบบ Hybrid Work และงานแบบโปรเจกต์มากขึ้น จุดแข็งของเจน Z คือ ความคิดสร้างสรรค์ ความเร็ว และการใช้เทคโนโลยี แต่ก็ยังต้องพัฒนาเรื่อง การสื่อสาร การคัดกรองข้อมูล และความอดทน เพื่อสร้างความมั่นคงในเส้นทางอาชีพ

อาจารย์ภัคภาคิน หาญจริง อาจารย์ประจำสาขาวารสารศาสตร์คอนเวอร์เจ้นท์และสื่อดิจิทัลสร้างสรรค์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

เทรนด์ใหม่ในตลาดแรงงาน

โซเชียลมีอิทธิพลต่อการเลือกเส้นทางชีวิต เด็กจำนวนมากสนใจเป็น Influencer, Content Creator หรือทำงานในสายครีเอทีฟมากกว่างานออฟฟิศแบบเดิม การสร้าง Personal Brand จึงเป็น “อาวุธลับ” ที่ช่วยสร้างโอกาสและรายได้
อสังหาฯ vs ความฝันของเจน Z

ต่างจากรุ่นพ่อแม่ที่มองว่าการซื้อบ้านคือเป้าหมายชีวิต เจน Z กลับเลือกเช่าเพราะคล่องตัวกว่า และไม่อยากแบกภาระหนี้ระยะยาว รายได้ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้กับการท่องเที่ยว การลงทุนในตัวเอง และประสบการณ์ชีวิตมากกว่าการสะสมทรัพย์สิน

ดังนั้นเจน Z ไม่ใช่แรงงานธรรมดา แต่เป็นแรงงานที่เป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่บังคับให้องค์กรและตลาดแรงงานต้องยกระดับ ทั้งเรื่องโครงสร้างการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร และสวัสดิการ หากองค์กรไหนปรับตัวได้ทัน จะได้แรงงานที่มีทั้งไอเดียและพลังสร้างสรรค์ แต่ถ้ายังยึดติดกับระบบเดิม มีโอกาสสูงที่จะเสียคนรุ่นใหม่ไป