สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติNARIT เผยหลังเที่ยงคืนของวันที่ 13 ธันวาคม - รุ่งเช้าวันที่ 14 ธันวาคม 2564 จะเกิดปรากฏการณ์ ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือ #ฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ มีศูนย์กลางกระจายตัวอยู่บริเวณกลุ่มดาวคนคู่ อัตราการตกสูงสุดประมาณ 150 ดวงต่อชั่วโมง กลุ่มดาวคนคู่จะปรากฏขึ้นจากขอบฟ้า ตั้งแต่เวลาประมาณ 20:00 น. ของวันที่ 13 ธันวาคม 2564 ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ตาม ในคืนดังกล่าวจะมีแสงรบกวนจากดวงจันทร์ข้างขึ้น 10 ค่ำ ในช่วงแรกของปรากฏการณ์ แนะนำให้ชมหลังดวงจันทร์ลับขอบฟ้าแล้ว เวลาประมาณ 02:00 น. ของวันที่ 14 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไปจนถึงรุ่งเช้า
สถานที่ชมฝนดาวตกควรเลือกสถานที่มืดสนิท ไม่มีแสงไฟรบกวน และสามารถมองเห็นได้รอบทิศ ควรนอนชมด้วยตาเปล่า เนื่องจากฝนดาวตกกระจายทั่วท้องฟ้า
ปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 4-17 ธันวาคมของทุกปี เกิดจากการที่โลกเคลื่อนที่เข้าตัดกับสายธารของเศษหิน และเศษฝุ่นขนาดน้อยใหญ่ที่ดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) ทิ้งไว้ในขณะเคลื่อนผ่านเข้ามาในระบบสุริยะชั้นใน เมื่อโลกโคจรผ่านเส้นทางดังกล่าว แรงดึงดูดของโลกจะดึงฝุ่นและหินเข้ามาเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศโลกเกิดเป็นลำแสงวาบ หรือในบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่เรียกว่า (Fireball)
ฝนดาวตกแตกต่างจากดาวตกทั่วไป คือ เป็นดาวตกที่มีทิศทางเหมือนมาจากจุดๆ หนึ่งบนท้องฟ้า เรียกว่า จุดศูนย์กลางการกระจาย (Radiant) เมื่อจุดศูนย์กลางการกระจายตรงหรืออยู่ใกล้เคียงกับกลุ่มดาวใด ก็จะเรียกชื่อฝนดาวตกตามกลุ่มดาวนั้นๆ
#ฝนดาวตกเจมินิดส์
ฝนดาวตกเจมินิดส์ มีศูนย์กลางการกระจายอยู่บริเวณกลุ่มดาวคนคู่ สังเกตได้ในช่วงวันที่ 4-17 ธันวาคมของทุกปี ปีนี้มีอัตราการตกสูงสุดในช่วงหลังเที่ยงคืนของวันที่ 13 ธันวาคม 2564 ตั้งแต่ตีสองจนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 14 ธันวาคม 2564 คาดมีอัตราการตกสูงสุดประมาณ 150 ดวง/ชั่วโมง ในคืนดังกล่าวจะมีแสงรบกวนจากดวงจันทร์ข้างขึ้น 10 ค่ำ ในช่วงแรกของปรากฏการณ์ แนะนำให้ชมหลังดวงจันทร์ลับขอบฟ้าแล้ว เวลาประมาณ 02:00 น. ของวันที่ 14 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไปจนถึงรุ่งเช้า
#การถ่ายภาพฝนดาวตก
ในอดีต นักถ่ายภาพดาราศาสตร์ไม่มีกล้องดิจิทัล และไม่มีโปรแกรมช่วยแต่งภาพอัจฉริยะ แต่ก็สามารถถ่ายภาพฝนดาวตกที่สวยงามได้ด้วยวิธีถ่ายภาพแบบเปิดหน้ากล้องทิ้งไว้ ปัจจุบัน เรามีทั้งเทคโนโลยีและโปรแกรมที่ทันสมัย การถ่ายภาพฝนดาวตกจึงทำได้อย่างสะดวกสบายและได้ภาพที่คมชัดมากยิ่งขึ้น โดยเทคนิคสำคัญที่ใช้คือการ Stack ภาพ เป็นการถ่ายภาพหลาย ๆ ภาพแล้วนำภาพเหล่านั้นมารวมกัน
#อุปกรณ์ถ่ายภาพฝนดาวตกฉบับนักดาราศาสตร์
1. กล้องดิจิตอลพร้อมสายลั่นชัตเตอร์
2. เลนส์ไวแสง มุมกว้าง
3. ขาตั้งกล้องและอุปกรณ์ตามดาว
#เทคนิคและวิธีถ่ายภาพ
1. ตั้งค่ากล้องก่อนการถ่ายภาพ ดังนี้
2. ตั้งกล้องห่างจากฉากหน้า โดยให้อยู่ห่างตามค่าระยะไฮเปอร์โฟกัส ซึ่งอาจคำนวณได้จากเว็บไซต์ตามลิงก์นี้ http://www.dofmaster.com/dofjs.html หรือควรห่างไม่น้อยกว่า 3-4 เมตร โดยประมาณ
3. ตั้งกล้องบนขาตามดาว เพราะดาวตกจะพุ่งออกจากบริเวณจุดศูนย์กลางการกระจาย (Radiant) ด้วยวิธีนี้จะทำให้เราได้ภาพฝนดาวตกออกมาจากจุดเรเดียนจริงๆ และที่สำคัญคือ เราจะได้ภาพฝนดาวตกมากกว่าการถ่ายภาพบนขาตั้งแบบนิ่งอยู่กับที่ เพราะตำแหน่งจุดศูนย์กลางการกระจาย จะเคลื่อนที่เปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆการตั้งกล้องบนขาแบบตามดาว ถือเป็นเทคนิคสำคัญในการถ่ายภาพฝนดาวตกเพื่อให้ได้ภาพที่มีจำนวนดาวตกติดมากที่สุด และแสดงให้เห็นการกระจายตัวจากศูนย์กลางได้อย่างชัดเจน
4. หันหน้ากล้องไปที่จุดศูนย์กลางการกระจาย (Radiant) โดยให้จุดดังกล่าวอยู่กลางภาพ
5. ถ่ายแบบต่อเนื่อง อย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง โดยใช้ค่าการเปิดหน้ากล้องประมาณ 30 วินาที ต่อ 1 ภาพ หรือมากกว่า
6. ช่วงเที่ยงคืน คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะเป็นเวลาที่ชีกโลกที่เราอยู่จะรับดาวตกที่พุ่งเข้ามาแบบตรงๆ
7. อยากได้ดาวตกยาวๆ ต้องหลังเที่ยงคืนไปแล้วหรือในเวลาใกล้รุ่ง จะเป็นช่วงที่ดาวตกวิ่งตามทิศทางการหมุนของโลก จึงทำให้เห็นดาวตกวิ่งช้า
8. นำภาพฝนดาวตกมารวมกัน จากหลายร้อยภาพก็เลือกเฉพาะที่ติดดาวตกมารวมกันใน Photoshop หรือ Star Stack ก็จะทำให้เห็นการกระจายตัวของฝนดาวตกได้อย่างชัดเจน
สิ่งสำคัญนอกเหนือจากวิธีถ่ายภาพแล้ว ก็คือความรู้ความเข้าใจในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น