พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทฺโธ) ได้ละสังขารตั้งแต่ปี 2558 แต่ท่านได้เขียนพินัยกรรมไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2543 ขอบริจาคร่างกายให้ ม.ขอนแก่น มอบร่างกายให้คณะแพทยศาสตร์ นำไปศึกษา ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของท่านที่ขอทำดีเพื่อส่วนรวมจนวินาทีสุดท้าย
งานพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่ และครูใหญ่ พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ วันที่ 29 มกราคมนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบทุกภาคส่วนได้เตรียมความพร้อมร้อยร้อยแล้ว และในวันที่ 21มกราคม2562 ทางคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะประกอบพิธีขอขมาครูใหญ่ 647 ร่าง ครั้งสุดท้าย
โดยพิธีทางศาสนาได้เริ่มขึ้นตั้งเวลา 10.00 น.ตามด้วยพิธีขอขมาครูใหญ่ โดยเฉพาะพิธีขอขมาครูใหญ่ พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ จะเริ่มขึ้นในเวลา 12.45 น.ก่อนจะเคลื่อนสรีรสังขารไปยังศูนย์ประชุมเอนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โดยการเคลื่อนย้ายสรีรสังขาร หลวงพ่อคูณจากคณะแพทยศาสตร์มาที่ศูนย์ประชุมเอนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่นในวันนี้ รวมระยะทาง 3.2 กิโลเมตร จะมีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเข้ามาดูแลความเรียบร้อยตลอดเส้นทางเพราะคาดจะมีประชาชนจำนวนมากมารอและร่วมไว้อาลัยตลอด 2 ข้างทาง ทั้งนี้ขอให้อยู่ในจุดที่กำหนด ห้ามลงมาในถนนเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ศูนย์ประชุมเอนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้อนุญาตให้ประชาชนเข้ามาวางดอกไม้จันทน์และสักการะเป็นครั้งสุดท้าย คาดมีประชาชนเดินทางเข้ามาต่อวันมากกว่า 1 แสนคน ส่วนวันที่ 29 มกราคม เคลื่อนสรีรสังขารจากศูนย์ประชุมเอนกประสงค์กาญจนาภิเษกไปยังฌาปนสถานชั่วคราววัดหนองแวงพระอารามหลวง รวมระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร
ขณะที่ฌาปนสถานชั่วคราว วัดหนองแวงพระอารามหลวง เกาะกลางน้ำด้านหลังพุทธมณฑลอีสาน ริมถนนเลี่ยงเมืองสายขอนแก่น-กาฬสินธุ์ ตำบลศิลา อำเภอเมืองขอนแก่น สมบูรณ์ครบทั้งหมดแล้ว ทั้งการก่อสร้างนกหัสดีลิงค์เทินบุษบก การติดตั้งพญานาค 16 ตน สัตว์ในป่าหิมพานต์ 32 ตัว รวมทั้งธรรมาสน์ 4 ทิศ โดยขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมวางดอกไม้จันทน์ แต่งกายสุภาพ การถ่ายรูปขอให้อยู่ในเขต ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นกำหนดและให้อยู่ความสำรวม
เปิดพินัยกรรม 'หลวงพ่อคูณ'
พินัยกรรมก่อนมรณภาพของหลวงพ่อคูณเขียนเอาไว้เมื่อ 15 ปีก่อนนี้ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2543 โดยพินัยกรรมดังกล่าวมีพยานรับรอง 4 คน คือ 1.รศ.สุขชาติ เกิดผล รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2.นายประทีป วงษ์กาญจนรัตน์ 3.นายธวัช เรืองหร่าย ไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ และ 4.นายเนาวรัตน์ สังการกำแหง นิติกร 8 (ชำนาญการ) มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เนื้อหาพินัยกรรมดังกล่าวมีข้อความว่า อาตมาหลวงพ่อคูณ อายุ 77 ปี ถิ่นพำนักวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ขอทำพินัยกรรมกำหนดการ เผื่อถึงการมรณภาพ เกี่ยวกับเรื่องการจัดงานศพของอาตมา ภายหลังที่อาตมาถึงมรณภาพลง
1.ศพของอาตมา ให้มอบแก่มหาวิทยาลัยขอนแก่นภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากมรณภาพลง เพื่อให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นมอบให้ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปศึกษาค้นคว้าตามวัตถุประสงค์ของภาคต่อไป
2.พิธีกรรมศาสนา การสวดอภิธรรมศพ ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำพิธีสวดพระอภิธรรมศพที่คณะแพทยศาสตร์ 7 วัน ตั้งแต่ถึงวันมรณภาพลง
3.การจัดทำพิธีบำเพ็ญกุศลเมื่อสิ้นสุดการศึกษาค้นคว้าของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว ให้จัดงานแบบเรียบง่าย ละเว้นการพิธีสมโภชใดๆ และห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ โกศ และพระราชพิธีอื่นๆ เป็นกรณีพิเศษเป็นการเฉพาะ
โดยให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กระทำพิธีเช่นเดียวกับการจัดพิธีศพของอาจารย์ใหญ่นักศึกษาแพทย์ประจำปีร่วมกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่น แล้วเผา ณ ฌาปนสถานวัดหนองแวง พระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น หรือวัดอื่นใดที่คณะแพทยศาสตร์เห็นสมควรและเหมาะสม โดยทำพิธีเผาให้เสร็จสิ้นที่จ.ขอนแก่น
4.เมื่อดำเนินตามข้อ 3 เสร็จสิ้นแล้ว อัฐิ เถ้าถ่าน และเศษอังคารทั้งหมด ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปลอยที่แม่น้ำโขง จ.หนองคาย ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม
5.ค่าใช้จ่ายและเงินอื่นใดที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามนัย ข้อ 2, 3 และ 4 ให้ดำเนินการ ดังนี้
5.1 ค่าใช้จ่ายในการจัดงานและบำเพ็ญกุศลศพทั้งหมด ให้นำเงินที่อาตมาบริจาคให้แก่ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อปี 2536 เป็นเงินเริ่มต้นในการดำเนินการจัดงานศพ ถ้าไม่เพียงพอให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทดรองจ่ายไปก่อน
5.2 ในการจัดการและบำเพ็ญกุศลศพ ตามนัยข้อ 5.1 หากมีเงินเหลือหรือมีผู้บริจาคสมทบ ให้คืนเงินที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทดรองจ่ายไปก่อนให้เสร็จสิ้น
5.3 หากมีเงินเหลืออยู่อีกหลังจากดำเนินการตามนัย ข้อ 5.1 และข้อ 5.2 แล้ว ให้มอบแก่กองทุนพระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฎ์ (หลวงปู่เทสก์) เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมช่วยเหลือพระสงฆ์ที่อาพาธประจำหอผู้ป่วยหอสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือให้ดำเนินการอย่างอื่นตามที่อาตมา หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เห็นสมควร โดยอาตมาจะแสดงความประสงค์ให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติมแนบไว้ให้ทราบต่อไป หากไม่ดำเนินการให้ถือตามความในตอนต้นเท่านั้น
6.ให้นายอำเภอด่านขุนทด ศึกษาธิการอำเภอด่านขุนทด และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกันเป็นผู้จัดการศพ มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามพินัยกรรมนี้
7.ให้ยกเลิกพินัยกรรม ฉบับวันที่ 15 กันยายน 2536 หรือฉบับอื่นใดที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ และให้ยึดถือพินัยกรรมฉบับนี้แทน
8.พินัยกรรมฉบับนี้ ต้นฉบับเก็บรักษาไว้ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และได้มีการทำสำเนาไว้อีก 3 ชุด เก็บรักษาไว้ที่วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาย อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ศึกษาธิการอำเภอด่านขุนทด และนายอำเภอด่านขุนทด แห่งละ 1 ฉบับ
ลงวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2543
[caption id="attachment_377362" align="aligncenter" width="500"]
[/caption]
"กู...ไม่อยากให้ใครหาประโยชน์จากตัวกู"
กระแสความโด่งดังของ
“หลวงพ่อคูณ” เจ้าของฉายา
"เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด" มาพร้อมๆ กับผลประโยชน์อันมหาศาล สิ่งที่ตามมาคือ ความไม่ลงตัวเรื่องผลประโยชน์ ซึ่งตามมาด้วยความขัดแย้ง
จากปัญหาความขัดแย้งที่เกิดในวัดบ้านไร่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หลวงพ่อคูณเริ่มมีชื่อเสียง เมื่อ พ.ศ.2536 โดยเฉพาะเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ภายในวัดบ้านไร่เอง หลายคนอาจจะคิดว่าท่านเป็นพระแก่ๆ รูปหนึ่ง จะไปรู้เรื่องอะไร แต่แท้ที่จริงแล้วหลวงพ่อรู้เรื่องดังกล่าวถึงขนาดที่ต้องทำพินัยกรรมไว้ล่วงหน้าถึง 2 ฉบับ โดยฉบับแรกทำไว้เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2536 ส่วนฉบับที่สอง ซึ่งเป็นฉบับล่าสุด ทำไว้เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2543
“กูเองไม่อยากเป็นภาระกับคนอื่น เมื่อตายไปแล้วก็อยากให้ทุกคนได้ดำเนินการทุกอย่างตามที่ได้ระบุเอาไว้ในพินัยกรรม โดยกูเองก็ได้ให้ลูกศิษย์ทั้งสี่คนเป็นผู้ดูแลทุกอย่าง หลังที่กูตายไปแล้ว ส่วนเหตุผลที่กูให้เผาศพกู ก็เพราะกูไม่อยากให้เป็นภาระ ไม่อยากให้เกิดการแสวงหาประโยชน์ใดๆ จากตัวกู กูไม่ต้องการให้ศิษยานุศิษย์เดือดร้อน หรือเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อยามที่ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อไม่ต้องการให้เกิดเป็นปัญหาระหว่างลูกศิษย์ด้วยกัน อย่างน้อยก็เป็นการลดภาระลงไปได้ เพราะเมื่อได้ทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมาลูกศิษย์จะได้ไม่ต้องเกิดความขัดแย้งกันเอง” นี่คือเหตุผลการทำพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ ที่พูดผ่านสื่อมวลชนแขนงต่างๆ
หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม 2466 แรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน ณ บ้านไร่ หมู่ 6 ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา บิดาชื่อ นายบุญ ฉัตรพลกรัง มารดาชื่อ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน ประกอบด้วย 1. หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ 2. นางคำมั่น วงษ์กาญจนรัตน์ 3. นางทองหล่อ เพ็ญจันทร์
เมื่ออายุได้ 11 ปี มารดาเสียชีวิต บิดานำไปฝากเป็นศิษย์วัดบ้านไร่ โดยมีพระอาจารย์เชื่อม วิรโช พระอาจารย์ฉาย กิตติญโญ และพระอาจารย์หลี อารกขยโย เป็นครูสอนภาษาไทยและภาษาขอม
เมื่ออายุครบ 21 ปี ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดถนนหักใหญ่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2487 โดยพระครูวิจารยติกิจ เจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสี วัดบ้านจั่น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการสุข วัดโคกรักษ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ต่อมาได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อแดง ชินบุตโต วัดบ้านหนองโพธิ์ ตำบลสำนักตะคร้อ อำเภอเทพารักษ์ จังหวัดนครราชสีมา และหลวงพ่อคง พุทธสโร วัดถนนหักใหญ่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุดทด จังหวัดนครราชสีมา
การศึกษาขณะเป็นสมณะ สอบได้นักธรรมชั้นตรี ที่สำนักเรียนวัดถนนหักใหญ่ เมื่อได้ศึกษาพระธรรมวินัยด้านปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวทเป็นอย่างดีแล้ว ได้ออกเดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่าจากวัดบ้านไร่สู่พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม และเข้าสู่ประเทศลาว (สปป.ลาว) ในประเทศลาวได้ธุดงค์ไปหลายที่ เช่น ภูเขาควาย หลวงพระบาง ทุ่งไหหิน แก่งหลี่ผี มหานทีสี่พันดอน และเข้าสู่ประเทศกัมพูชา ปี พ.ศ. 2500 หลังจากการเดินธุดงค์แล้ว หลวงพ่อกลับมาจำพรรษา ณ วัดบ้านไร่ การจำพรรษาของหลวงพ่อในแต่ละปีนั้น ท่านได้จำพรรษาไปตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย
ขณะที่ หลวงพ่อกลับมาจำพรรษา ณ วัดบ้านไร่นั้น ท่านได้นำชาวบ้านก่อสร้างโรงเรียนบ้านไร่ โดยไม่ได้ใช้งบประมาณจากทางราชการแต่อย่างใด และยังบริจาคเงินก่อสร้างวัด หน่วยงานราชการต่างๆ มากมาย ทั้งโรงพยาบาล สถานีอนามัย โรงเรียน วิทยาลัย สถานีตำรวจ บ้านพักตำรวจ ที่ว่าการอำเภอ ถนน รวมทั้งบริจาคเงินเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ช่วยชีวิต รถพยาบาล รถดับเพลิง เครื่องมือแพทย์ เวชภัณฑ์ต่างๆ เป็นต้น
จากคุณงามความดีของท่านมากมาย จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ณ พระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง ดังต่อไปนี้
12 สิงหาคม 2535 พระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ที่พระญาณวิทยาคมเถระ
10 มิถุนายน 2539 พระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ เลื่อนสมณศักดิ์ที่พระราชวิทยาคม
12 สิงหาคม 2557 รับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ เลื่อนสมณศักดิ์ที่พระวิทยาคม
และได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2546
หลวงพ่อได้ถวายเงินแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย วันที่ 11 มกราคม 2538 ณ วัดบ้านไร่ จำนวน 72,000,000 บาท (เจ็ดสิบสองล้านบาท) และถวายอีกครั้งในวันที่ 18 เมษายน 2551 ณ พระราชตำหนักจิตรลดารโหฐานพระราชวัง จำนวน 100,000,000 บาท (หนึ่งร้อยล้านบาท) ประมาณการเงินที่บริจาคเพื่อเป็นปัจจัยสร้างวัด หน่วยงานราชการและเอกชน เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ สาธารณสงเคราะห์ มีมากถึง 4,000,000,000 บาท (สี่พันล้านบาท)
หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ มรณภาพ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 สิริอายุ 92 ปี 71 พรรษา
ขอบคุณข้อมูล
-
อนุสรณ์ งานพิธีพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่ เป็นกรณีพิเศษ ประจำปี 2561
-
เปิดพินัยกรรม 'หลวงพ่อคูณ'
ภาพ
- คมชัดลึก
-
พระเครื่องหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ