‘อนุพงษ์ อัศวโภคิน’ ความสำเร็จวันนี้ จากการเปลี่ยนครั้งใหญ่

20 ธ.ค. 2561 | 08:13 น.
จากบริษัทรายได้หลักร้อยล้านกับพนักงาน 80 ชีวิตในปี 2534 สู่การเติบโตในปัจจุบันด้วยรายได้หลักหมื่นล้าน พร้อมกองทัพพนักงานที่ร่วมขับเคลื่อนองค์กรกว่า2,000 ชีวิตโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การพัฒนากว่า 100โครงการทั่วกรุงเทพ พร้อมความท้าทายครั้งสำคัญกับการจัดทัพองค์กรให้ตั้งรับกับกระแสดิสรัปต์ที่ถาโถมเข้าใส่ทุกภาคธุรกิจ ภายใต้ความเชื่อที่ว่าเราจะดิสรัปต์ตัวเองหรือเฝ้ารอให้คลื่นดิสรัปต์จู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว

อนุพงษ์ อัศวโภคิน อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอพี ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า“เราคิดไว้แล้วว่า หากไม่เปลี่ยน ถึงจุดหนึ่งเราจะติด และจะโตไม่ได้”นอกจากความหวั่นเกรงต่อกระแส disruption ถึงในวันนี้จะยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเอพี แต่อนุพงษ์ยอมรับว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้วธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตแบบทรงตัว การติดอยู่กับรายได้หลักเดิมๆ สร้างความเครียดลึกๆ จนบางช่วงคิดอยากเกษียณ การทำงานแต่ละวันไม่มีความสุขส่งผลกระทบต่อพาร์ทเนอร์และทีมรอบข้าง จนเมื่อได้พบกับดร. เทอรี่ วอร์เนอร์ (Dr. Terry Warner)อาจารย์นักวิจัยด้านจิตวิทยา ผู้ก่อตั้งสถาบัน Arbinger Institute ประเทศสหรัฐอเมริกา กับแนวคิดOutward Mindset - เอาท์เวิร์ด มายด์เซตที่ให้ความสำคัญกับ Mindset หรือมุมมองในการมองโลก มองตัวเรา และมองคนอื่น ซึ่งจะนำมาสู่ความสมานฉันท์และทำให้ตัวเราสามารถใช้ชีวิตทั้งไลฟ์สไตล์ และการทำงานได้อย่างเป็นสุขซึ่งหลังจากการโค้ชส่วนตัวเป็นเวลากว่า 1 ปีก่อนส่งต่อแนวคิดนี้ไล่ระดับลงไปจากถึงส่วนปฏิบัติการทุกคนในเอพี ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมากกว่ามุมมองนอกกล่องแล้ว คือความสุขในการทำงานที่ได้กลับมา“วินาทีที่เรามองออกไปนอกตัวเรา ก็คือวินาทีที่เราได้เห็นตัวเราเองจริงๆ ข้างใน และการมองคนเป็นคน ไม่มีใครอยู่เหนือกว่าใคร แต่คือการเปิดใจรับฟังทุกมุมมองของคนเอพี”

นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรครั้งใหญ่ของเอพี ไทยแลนด์ อนุพงษ์เริ่มสร้างผู้นำรุ่นใหม่ๆ ในองค์กรให้เป็น Independence Responsibility Leaders ซึ่งเขามักเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า ปั้นเขาให้ทำงานเหมือนเป็น ‘เถ้าแก่’ เอง นั่นหมายถึงเอพีเปิดโอกาสให้ทุกส่วนงานธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม มีอำนาจในการตัดสินใจในการดำเนินงานด้วยตนเอง ในขณะเดียวกันก็มีอิสระในการทำงาน เป็นผู้นำที่มีความรับผิดชอบ ภายใต้การมองเป้าหมายเดียวกัน คือการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยให้กับคนเมือง หากถามว่าความสำเร็จของการนำเอา Outward Mindset มาใช้ในองค์กรวัดจากอะไร อนุพงษ์ตอบสั้นๆ ว่า “เราทะเลาะกันน้อยลง”

แกนหลักสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับคนเอพี นอกจากแนวคิด Outward Mindset แล้วนั่นก็คือการเป็นพาร์เนอร์กับโปรเฟสเซอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford) นำแนวStanfordDesign Thinking เข้ามาใช้ในการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการโดยเอพีให้ความสำคัญกับขั้นตอนที่เรียกว่าEmpathy ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้เข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งถ่องแท้ จนอาจกล่าวได้ว่าในยุคที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ ต่างก็พยายามเน้นให้ผลิตภัณฑ์ดูมีไลฟ์สไตล์ แต่เอพีกลับให้ความสำคัญในการเข้าไปศึกษา สังเกต และเก็บข้อมูล เพื่อให้เข้าใจความต้องการของผู้อยู่อาศัย ที่หลายครั้งพบว่า แม้แต่ผู้อยู่อาศัยเองก็ไม่อาจบอกได้ว่าแท้จริงแล้วตนเองต้องการอะไร แต่เครื่องมือของกระบวนการ Design Thinking ได้ช่วยให้เอพีได้พบความต้องการแฝง (Unmet Needs) นั้น จนนำมาสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตรงใจลูกค้าในแต่ละกลุ่มโดยแท้จริงซึ่งแนวทางของ Stanford Design Thinking นี้พิสูจน์แล้วว่า สามารถนำไปใช้ได้ในทุกฟังก์ชั่น เพราะในปัจจุบันฝ่ายการเงินได้นำไปใช้ในการปรับปรุงให้เอพีเป็นองค์กรที่เป็นที่ 1 ในใจซัพพลายเออร์อีกด้วย

กว่า 4 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง การฟอร์มองค์กรให้พร้อมตั้งรับกับทุกสถานการณ์ นำมาซึ่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในปี 2561 อันเป็นความภาคภูมิใจของอนุพงษ์ และชาวเอพีทุกคนนั่นคือ การทำลายสถิติยอดขายรวมที่ทะลุเป้าไปแล้วกว่า 42,000ล้านบาท รายได้รวมณ ไตรมาส 3 ที่สูงถึง 27,113 ล้านบาทเติบโตกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้ากว่า 50% รวมถึงการได้รับการยอมรับให้เป็น‘สุดยอดนักพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับเอเชียแห่งปี 2018’ และ ‘สุดยอดนักพัฒนาอสังหาฯ ไทยแห่งปี 2018’ และอีกหลากหลายรางวัลรวมทั้งสิ้น 14 รางวัล  จากหลากหลายสถาบันทั้งในประเทศ และระดับนานาชาติ รวมทั้งล่าสุดได้เป็น‘สุดยอดบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความน่าชื่นชมจากผู้บริโภคทั่วประเทศมากที่สุด’(The Most Admired Company) จากการจัดอันดับโดยนิตยสารแบรนด์เอจ แต่นั่นไม่ทำให้เอพีหยุดยั้งที่จะก้าวต่อไปเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของการอยู่อาศัยให้กับชาวกรุง

AP อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ส่งผลสู่ความสำเร็จของเอพี คือการบริหารพอร์ตสินค้า ภายใต้ความสามารถในการซื้อจริงของผู้บริโภค การผสมผสานทั้งผลิตภัณฑ์อสังหาแนวราบ และแนวสูงที่หลากหลายรูปแบบ ตอบรับความต้องการที่แตกต่างกันของคนเมือง ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม โดยเน้นศักยภาพของทำเลเมือง การออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่คุ้มค่าในทุกตารางเมตร ตลอดจนการผสมผสานเทคโนโลยีเพื่อตอบการไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ วันนี้เอพีมีโครงการพร้อมขายครอบคลุมทั่วกรุงเทพแล้วกว่า 100 โครงการ ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าแนวราบของเอพีถือว่าประสบความสำเร็จในสัดส่วนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส ในขณะเดียวกันตลาดคอนโดมิเนียมก็ได้รับการตอบรับดี โดยเฉพาะตลาดคอนโดระดับกลางบนถึงไฮเอนด์ มีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วอย่างต่อเนื่องความสำเร็จต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงเสียงตอบรับจากผู้บริโภคที่มีต่อโครงการในเครือเอพี

“เราต้องยอมรับว่าในธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตัวเราเองต้องไม่หยุดนิ่ง และปรับตัวให้ทันกับทุกกระแสที่เข้ามา เราจะมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจอยู่เสมอ  ผ่านการเตรียมพร้อมให้กับบุคลากรภายใน และการจัดตั้งหน่อยงานอินโนเวชั่นขึ้นมา เพื่อทำงานร่วมกับ โปรเฟสเซอร์ จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยมีเป้าหมายใหญ่คือการยกระดับ Quality of Life ในการอยู่อาศัย ที่เข้าใจและตอบความต้องการแฝงที่ซ่อนอยู่ในใจของผู้บริโภค ผ่านทางนวัตกรรมสินค้าและบริการรูปแบบใหม่ๆ ในเครือเอพี” อนุพงษ์ กล่าวพร้อมทิ้งท้ายว่า

“ตลอด 27 ปี ในวงการอสังหา คัมภีร์ความสำเร็จที่ผมจดจำ และทำมาตลอดมี 3 ข้อ นั่นคือ เรียนรู้อยู่เสมอ ทำงานหนัก และให้เกียรติคน โดยมีเป้าหมายที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา นั่นคือการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติ และต่อยอดสู่การเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมไทยในอนาคต”

เพราะมีเป้าหมายและกลยุทธ์ที่ดี จึงทำให้วันนี้ เอพี ไทยแลนด์ กับการประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ด้วยผลงานที่โดดเด่นในทุกมิติ ซึ่งเอพี (ไทยแลนด์) ยังคงเดินหน้า และไม่หยุดนิ่งในการศึกษาค้นคว้า และพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย เพื่อส่งมอบนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่จะสร้างความแตกต่าง พร้อมก้าวสู่เป้าหมายสูงสุด นั่นคือการสร้าง “คุณภาพชีวิตที่ดี” อย่างยั่งยืน