เจาะงบการเงิน “ไปรษณีย์ไทย” แนวโน้มขาดทุนแค่ไหน ก่อนปรับขึ้นค่าบริการ

27 เม.ย. 2565 | 02:56 น.

เปิดฐานะการเงินของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) มีแนวโน้มขาดทุนแค่ไหน ดูผลการดำเนินงานย้อนหลัง พร้อมเจาะข้อมูลค่าบริการไปรษณีย์พื้นฐานบริการทางสังคม เป็นยังไง หลังจากครม.ไฟเขียวปรับขึ้นค่าบริการไปรษณียากร หรือ แสตมป์ครั้งใหม่ในรอบ 18 ปี

ควันหลงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งล่าสุด มีมติอนุมัติให้ปรับอัตราไปรษณียากร หรือ แสตมป์ สำหรับบริการไปรษณียภัณฑ์ในประเทศใหม่ ในรอบ 18 ปี นับตั้งแต่ใช้ราคาเดิมมาตามกฎกระทรวงฯ ปี 2547 โดยออกเป็นร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราไปรษณียากรและค่าธรรมเนียมอื่น พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอ

 

กระทรวงดิจิทัลฯ ชี้แจงถึงรายละเอียดความจำเป็นว่า กฎกระทรวงเดิม มีผลใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานานแล้ว บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ไม่ได้ขอปรับอัตราราคาค่าบริการไปรษณีย์พื้นฐานในประเทศ ขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ

 

พร้อมยกตัวอย่างผลการศึกษาโครงการปรับปรุงอัตราค่าบริการไปรษณียากรของจดหมายและไปรษณียบัตรในประเทศของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เมื่ออิงกับดัชนีราคาผู้บริโภค และอัตราเงินเฟ้อทั่วไป พบว่าในปี 2562 อัตราค่าบริการจดหมายในประเทศที่ควรจะเป็นคือ 4.13 บาทต่อฉบับ แต่ที่ผ่านมาเก็บค่าบริการประชาชนในอัตราเริ่มต้นที่ 3 บาท

 

มีผลให้ ปณท มีภาระเชิงสังคมต้นทุนของบริการพื้นฐานในประเทศเพิ่มสูงขึ้น จากข้อมูลปี 2554 – 2563 เป็นจำนวนสูงถึง 18,380 ล้านบาท (เฉลี่ยปีละ 1,838 ล้านบาทและมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในปี 2563 มีภาระการให้บริการเชิงสังคม 3,072 ล้านบาท) 

 

ด้วยเหตุนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ จึงพิจารณาแล้วเห็นว่า ปณท ได้ใช้อัตราค่าบริการไปรษณีย์พื้นฐานเดิมมาเป็นเวลานาน กิจการไปรษณีย์ในปัจจุบันมีแนวโน้มประสบปัญหาขาดทุน จึงเห็นควรปรับอัตราไปรษณียากรสำหรับบริการไปรษณียภัณฑ์ในประเทศใหม่ และได้เสนอกฎกระทรวงมาให้ครม.เห็นชอบไปเป็นที่เรียบร้อย

 

ภาพประกอบ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังการประชุม ครม. วันที่ 26 เมษายน 2565

ด้วยคำชี้แจงของกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งระบุว่ากิจการไปรษณีย์ในปัจจุบันมีแนวโน้มประสบปัญหาขาดทุน “ฐานเศรษฐกิจ” ได้ทำการตรวจสอบฐานะการเงินของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) พบข้อมูลดังนี้

 

ปี 2560

  • รายได้ 28,293 ล้านบาท
  • ค่าใช้จ่าย 22,922 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 4,212 ล้านบาท

 

ปี 2561 

  • รายได้ 29,728 ล้านบาท
  • ค่าใช้จ่าย 24,829 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 3,826 ล้านบาท

 

ปี 2562

  • รายได้ 27,405 ล้านบาท
  • ค่าใช้จ่าย 26,507 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 619 ล้านบาท

 

ปี 2563

  • รายได้ 24,210 ล้านบาท
  • ค่าใช้จ่าย 23,392 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 385 ล้านบาท

 

ปี 2564 (ม.ค.-ก.ย. 2564)

  • รายได้ 16,663 ล้านบาท
  • ค่าใช้จ่าย 17,450 ล้านบาท
  • ขาดทุนสำหรับงวด 904 ล้านบาท

 

ภาพประกอบ ข้อมูลงบการเงิน ปณท ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2564 จากสคร.

เมื่อตรวจสอบรายงานการให้บริการเชิงสังคม ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ซึ่ง ปณท ได้แสดงไว้ใน รายงานประจำปี 2563 แจ้งรายละเอียดว่า เครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์มากกว่า 5,000 แห่ง ทั่วประเทศ บางแห่งเป็นพื้นที่ที่สร้างรายได้ได้น้อย แต่ ปณท ต้องจัดให้มีหน่วยงานให้บริการ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการ 

 

บริการในบางประเภทที่เป็นบริการเชิงสาธารณะถูกกำหนดอัตราไปรษณียากรและค่าธรรมเนียม ตาม พ.ร.บ.ไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 เช่น จดหมาย ไปรษณียบัตร ของตีพิมพ์ ทำให้รายได้จากการให้บริการ ต่ำกว่าต้นทุนดำเนินงาน ก่อให้เกิดเป็นภาระต้นทุนที่แฝงอยู่ ส่งผลให้กำไรในภาพรวมของ ปณท ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากต้องชดเชยภาระการให้บริการเชิงสังคม

 

สำหรับบริการไปรษณีย์พื้นฐานในประเทศที่เข้าข่ายการให้บริการเชิงสังคม ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการให้เงินอุดหนุน บริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2554 ปัจจุบันมี 6 บริการ ได้แก่ จดหมาย ไปรษณียบัตร ของตีพิมพ์ พัสดุไปรษณีย์ ธนาณัติธรรมดา และเครื่องอ่านสำหรับคนเสียจักษุ มีข้อมูลดังนี้

 

ภาพประกอบ ตารางการให้บริการเชิงสังคม ปี 2562

 

สำหรับอัตราไปรษณียากรสำหรับจดหมาย ประเภทซอง จดหมาย ประเภทหีบห่อ ไปรษณียบัตร ของตีพิมพ์ เครื่องอ่านสำหรับคนเสียจักษุ และพัสดุไปรษณีย์ ใหม่ ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากครม. มีดังนี้

 

ภาพประกอบ อัตราค่าส่งจดหมาย - พัสดุ ในประเทศ