'ณุศาศิริ' เปิดแนวรุก ขายทิ้งอสังหาฯ เคลียร์หนี้ ลุยเฮลท์แคร์

03 เม.ย. 2567 | 13:18 น.

เปิดแนวรบ “ณุศาศิริ” ประกาศขายกิจการอสังหาฯ20% หวังนำมาเคลียร์หนี้ เพิ่มสปีดรุกธุรกิจเฮลท์แคร์และการแพทย์เต็มตัว กางแผนงานเฟ้นหาพันธมิตร พร้อมสยายปีกปั้นแบรนด์ “รพ.พานาซี” เต็มรูปแบบทั้งในไทยและต่างประเทศ มั่นใจสิ้นปีดันรายได้เติบโต 100%

นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) และกรรมการบริหาร PANACEE MEDICAL CENTER เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปีนี้ณุศาศิริ จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจครั้งใหญ่ จากเดิมที่มุ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ หันมาเดินหน้าธุรกิจสุขภาพและการแพทย์อย่างเต็มตัว โดยจะคงเหลือธุรกิจอสังหาฯไว้เพียงส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเวลเนสเท่านั้น ที่เหลือจะขายกิจการทั้งหมด และหากสามารถขายอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินได้ถึง 20% ก็จะไม่มีภาระหนี้สิน คลี่คลายวิกฤติหลายอย่างรวมถึงเรื่องหุ้นส่วนได้
 
การเข้ามาทำธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ของณุศาศิริ มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อน โดยเข้าไปทำโรงพยาบาลพานาซีที่จีนเป็นอันดับแรกในช่วงโควิด-19 โดยใช้เงินลงทุนราว 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เหลือได้รับการสนับสนุนของรัฐบาลจีน ด้วยเงื่อนไขที่สามารถให้แพทย์ต่างประเทศรักษาผู้ป่วยได้ ใช้เป็นโรงพยาบาลสเต็มเซลล์ พร้อมกับสิทธิเรื่องภาษีและการเช่าพื้นที่ หลังจากนั้นณุศาศิริจึงเข้ามาซื้อหุ้นโรงพยาบาลพานาซีในประเทศไทย 90% ด้วยเงินลงทุน 900 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มเป็น 1,400 ล้านบาท และเดินหน้าซื้อโร'พยาบาลพานาซีในประเทศเยอรมนี 100% ด้วยเงินลงทุน 700 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุงด้วยงบประมาณ 100 ล้านบาท

ปัจจุบันณุศาศิริมีโรงพยาบาลและเวลเนสเซ็นเตอร์ภายใต้แบรนด์ “พานาซี” รวมทั้งหมด 6 สาขา แบ่งเป็นในประเทศจีน 2 สาขา เยอรมนี 1 สาขา และไทย 3 สาขา โดยในไทยจะเปิดให้บริการที่กรุงเทพฯและสามารถไปรักษาต่อที่มายโอโซน เขาใหญ่ได้ ซึ่งศักยภาพของแบรนด์พานาซีจะแตกต่างจากโรงพยาบาลทั่วไป เพราะเน้นการใช้สารธรรมชาติ ฟื้นฟู ใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาผู้ป่วย และถือว่าเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่มีห้องแล็ปสเต็มเซลล์อยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งปัจจุบันรพ.พานาซี สามารถสร้างรายได้จนเข้าเกณฑ์สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ แม้ตัวโรงพยาบาลจะยังสร้างไม่เสร็จ และคาดว่าจะยื่นขอจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมกับก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ 100% ในปีนี้

\'ณุศาศิริ\'  เปิดแนวรุก ขายทิ้งอสังหาฯ  เคลียร์หนี้ ลุยเฮลท์แคร์
 
“ในประเทศจีนเราตั้งใจไว้ว่าจะขยายสาขาเพิ่มเติมไปอีกหลายเมืองโดยการสนับสนุนของรัฐบาลเช่นเคย และในประเทศเยอรมนีจะยังคงมีสาขาเดียวที่พร้อมเปิดตัวในปลายปีนี้ ส่วนประเทศไทยจะเปิดบางแผนกเพิ่มเติมในด้านเวลเนสทั้งสาขาพระราม 2 และสาขาเอกมัย รวมถึงมายโอโซน เขาใหญ่ นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือจากพาร์ทเนอร์จากอเมริกาและเกาหลีที่จะเข้ามาทำงานร่วมกันในประเทศไทยในปีนี้ 2 ราย ซึ่งพานาซีจะโฟกัสที่เรื่องโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคมะเร็งเป็นหลัก รองรับลูกค้ากลุ่ม B และ B+ ขึ้นไป และเพิ่มลูกค้าจากต่างประเทศในเชิงรุกมาก เช่น จีนและกลุ่มประเทศ CLMV”

สำหรับผลประกอบการของรพ.พานาซีในปี 2565 มีรายได้ราว 200-300 ล้านบาท ปี 2566 มีรายได้ 300 ล้านบาท ปี 2567 ตั้งเป้าที่จะเติบโตขึ้น 100% และปี 2568 คาดว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะมีปัจจัยบวกหลายประการ นับตั้งแต่ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 การท่องเที่ยวก็ฟื้นตัว สงครามในต่างประเทศทำให้ต่างชาติเข้ามาอยู่ในประเทศไทยในระยะยาวมากขึ้น รวมทั้งยังมีเรื่องวีซ่าฟรีที่สนับสนุนให้คนจีนที่มีกำลังซื้อเข้ามาในประเทศประเทศไทย ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ของไทยมีความรู้ความสามารถ มีการบริการที่ดี ทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และรวมทั้งรัฐบาลไทยยังสนับสนุนและเห็นความสำคัญทำให้การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเติบโตขึ้น
 
“ธุรกิจด้านสุขภาพน่าจะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้มากที่สุด หากรัฐบาลสนับสนุนเมืองรองรวมไปถึงการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นด้วยก็จะทำให้เกิดความยั่งยืนไปสู่การเป็น Medical Hub อย่างแท้จริง ส่วนปัจจัยลบมีเพียงส่วนน้อย เช่น เรื่องมลภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพานาซีเคยคิดจะขยายสาขาไปก็ต้องล้มเลิกเพราะทำการตลาดไม่ได้”
 
นางศิริญา กล่าวอีกว่า ภายใน 2 ปีนี้ ณุศาศิริจะพยายามพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับพานาซีทั้ง 3 สาขาที่มีอยู่ในประเทศไทย ก่อนจะร่วมพาร์ทเนอร์ที่มีคลินิกหรือโรงแรมอยู่แล้วขยายสาขาออกไปโดยไม่ต้องสร้างใหม่ เป็นการต่อยอดธุรกิจเดิมให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยได้พูดคุยกับพาร์ทเนอร์แล้วประมาณ 10 แห่งทั่วประเทศ ทั้งจังหวัดภูเก็ต พัทยา อุดรธานี รวมถึงการร่วมมือกับโรงแรมที่จะเข้ามาในพื้นที่เขาใหญ่ด้วย
 
“แต่ก่อนณุศาศิริทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จับกลุ่มนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวเพราะมีโรงแรมอยู่ในมือหลายแห่ง แต่หลังจากผ่านพ้นสถานการณ์ โควิด-19 ก็พบว่าคนหันมาสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ประเทศไทยยังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว จึงอยากขยายขยายธุรกิจเพื่อเข้าสู่เทรนด์ในด้านนี้ ซึ่งการเจ็บป่วยและการดูแลสุขภาพจะเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้าในอนาคต ทั้งเล็งเห็นแล้วว่าโรคที่ทำให้ผู้คนเสียชีวิตมากที่สุดคือเรื่องของโรคหลอดเลือดและโรคมะเร็ง กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะอายุ 40-50 ปีขึ้นไป แต่ก็เริ่มมีกลุ่มคนยุคใหม่ตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไปที่ไม่อยากป่วยเพิ่มมากขึ้น”
 
ล่าสุดรพ.พานาซี จัดแคมเปญ Panacee Cancer early care ขึ้นที่มายโอโซน เขาใหญ่ ในรีสอร์ตสุขภาพแบบองค์รวมและครบวงจรของแบรนด์พานาซี ที่อากาศบริสุทธิ์และมีโอโซนอันดับ 7 ของโลก เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพ และเน้นศาสตร์ป้องกันการเกิดโรค โดยเฉพาะเรื่องโรคมะเร็งสำหรับกลุ่มคนที่เป็นแล้วและไม่อยากเป็นอีก กลุ่มคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มที่มีเนื้องอก เป็นการหยุดความเสี่ยงก่อนป่วยมะเร็งในระยะสุดท้าย ที่ผู้ป่วยมักทรมานและมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูง แคมเปญนี้นำร่อง 1,000 คน ด้วยงบประมาณ 24,900 บาทต่อคน รับภายในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2567 นี้ ซึ่งจะใช้เวลาในการตรวจและส่งผลไปตรวจในต่างประเทศรวมประมาณ 21 วัน ที่ให้ความแม่นยำสูงถึง 95% แต่แคมเปญนี้จะจะไม่รับคนป่วยเป็นมะเร็งที่อยู่ในระยะการรักษาอยู่แล้ว
 
“อย่างไรก็ตาม พานาซีจะทำการตลาดเชิงรุกด้วยการให้ความรู้ ทำรายการ จับมือกับพาร์ทเนอร์บริษัทต่างๆ เช่น กลุ่มบัตรเครดิต กลุ่มประกัน ด้วยมีกลยุทธ์สำคัญคือนำความรู้เข้ามาในทำตลาดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า เพราะเป้าหมายของเราต้องการให้ผู้คนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์รวมการแพทย์ที่รักษาและป้องกันด้านสุขภาพ แม้มีศูนย์การแพทย์หรือโรงพยาบาลที่เริ่มหันมาทำธุรกิจเวลเนสมากขึ้น ก็ต้องมองว่าไม่ใช่การแข่งขัน แต่เป็นการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยส่งเสริมประเทศไทย”