แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์ม SkinX เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการพัฒนาแอปพิเคชั่น SkinX โดยใช้เทคโนโลยี Telemedicine หรือแอปพลิเคชันหาหมอออนไลน์มาประยุกต์ใช้
ทั้งนี้ เพื่อให้บริการในด้านการปรึกษาปัญหาผิวและความงาม เนื่อจากมองเห็นว่าปัญหาผิวเป็นปัญหาที่พบเจอบ่อย ซึ่งผู้ป่วยในปัจจุบันก็ปรึกษาทาง Telesis ค่อนข้างมาก
"ด้วยความเป็นหมอผิวหนังจึงมองแยกออกมาเป็นเฉพาะผิวหนัง และน่าจะตอบโจทย์ผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวนี้"
สำหรับทิศทางของ SkinX ในอนาคตนั้น จะพยายามขยายไปยังโรงพยาบาลและคลินิกในจังหวัดต่างอื่นเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่, ภูเก็ต, โคราช, ชลบุรี ซึ่งปัจจุบันมีคลินิกที่เป็นพาร์ตเนอร์อยู่ประมาณ 400 กว่าแห่ง
อีกทั้งยังมีแผนที่จะพัฒนาแอปพลิเคชัให้ตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI และจะมีการทำ ecosystem ของผิวหนังคือ ธุรกิจผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ผิวหนัง ,นักคลินิกโรงพยาบาลที่ให้บริการทางผิวหนัง ,บริษัทที่ขายยาหรือสกินแคร์ที่เกี่ยวกับผิวหนั งรวมถึงคนไทยทุกคนที่มีปัญหาด้านผิวหนัง
สำหรับเทคโนโลยี Telemedicin นั้น จะสามารรถทำให้ผู้ปรึกษาหมอได้ทุกที่ทุกเวลา รวมถึงการสั่งจ่ายยาส่งให้ทางไปรษณีย์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เพียงแค่ใช้โทรศัพท์มือถือ
อย่างไรก็ดี ล่าสุดแอปฯ SkinX มียอดการดาวน์โหลดแล้วกว่า 5 แสนครั้ง โดยผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นคนกลุ่ม GenY หรือ Gen C รวมถึงการมี Skincare product ที่เป็นของแท้ 100% รวมถึง product ที่เป็น Hospital Exclusive
ขณะที่จุดเด่นก็คือ การมีเภสัชกรที่ให้คำปรึกษาโดยไม่คิดค่าบริการตลอด โดยเภสัชกร SkinX จะผ่านการเทรนให้เป็นเภสัชกรที่เชี่ยวชาญในเรื่องการแนะนําเรื่องสกินแคร์อย่างดีที่สุด
"SkinX มีหลักการพัฒนาแอปฯ โดยยึดผู้ใช้งานเป็นหลัก โดยได้นำความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะจากลูกค้ามามาปรับปรุง ต่อยอดให้ใช้งานได้จริง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้แอปฯ ที่สะดวกรวดเร็วของลูกค้า ส่วนในฝั่งของแพทย์และเภสัชกรผู้ให้บริการนั้น ก็ใช้หลักการออกแบบเดียวกัน เพื่อให้ระบบมีความสัมพันธ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน"
แพทย์หญิงธิดากานต์ กล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ แอปฯ SkinX เติบโต มาจากการมุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้งาน และนำความคิดเห็นมาปรับปรุง รวมถึงให้ความสำคัญกับข้อมูลเพื่อที่จะนำมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น