ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หูดับในประเทศไทยว่า สถานการณ์โรคไข้หูดับในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 25 พฤศจิกายน 2566 มีผู้ป่วยโรค ไข้หูดับ 548 ราย มีผู้เสียชีวิต 26 ราย แบ่งเป็น
จังหวัดเชียงใหม่, น่าน, สุโขทัย, กำแพงเพชร, พิจิตร, สมุทรสาคร, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์ และ สงขลา จังหวัดละ 1 รายขณะที่ จังหวัดตาก, อุตรดิตถ์, อุทัยธานี และนครปฐม พบจังหวัดละ 2 ราย ส่วนที่จังหวัดมหาสารคามและหนองคาย พบจังหวัดละ 2 ราย มากที่สุด พบว่า จังหวัดนครราชสีมา คือ 4 ราย
ขณะที่สถานการณ์โรคหูดับในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 25 พฤศจิกายน 2566 พบผู้ป่วยโรคไข้หูดับ 130 ราย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย คือ นครราชสีมา 4 ราย ชัยภูมิ 1 ราย และบุรีรัมย์ 1 ราย โดยสามารถแยกเป็นรายจังหวัด ได้ดังนี้
จังหวัดนครราชสีมา 95 ราย, ชัยภูมิ 14 ราย, สุรินทร์ 14 รายและบุรีรัมย์ 7 ราย โดยอาชีพที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ รับจ้าง ร้อยละ 32.31 รองลงมา คือ เกษตร ร้อยละ 31.54 และงานบ้าน ร้อยละ 13.85 ตามลำดับ
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีกระแสสังคมบนสื่อออนไลน์ได้รีวิวการรับประทานอาหารดิบ และมีพฤติกรรมการดื่มสุราร่วมกับการรับประทานอาหาร สุก ๆ ดิบ ๆ มีผู้ติดตามรับชมจำนวนมาก อาจทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ หรืออยากลองทำตาม ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับได้เพื่อเป็นการป้องกันโรคไข้หูดับ จึงขอให้ประชาชนรับประทานหมูอย่างถูกวิธี ดังนี้
1.รับประทานเนื้อหมู หรือเลือดหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น โดยปรุงให้สุกผ่านความร้อนมากกว่า 70 องศาเซลเซียส นานอย่างน้อย 10 นาที
2.อาหารปิ้งย่าง ควรใช้อุปกรณ์ในการคีบเนื้อหมูดิบและเนื้อหมูสุกแยกจากกัน และขอให้ยึดหลัก "สุก ร้อน สะอาด"
3.ไม่ควรรับประทานหมูดิบร่วมกับการดื่มสุรา
4. เลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่ควรซื้อจากแหล่งที่ไม่ทราบที่มาของหมู
5. ผู้ที่สัมผัสกับหมูที่ติดโรค โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้าบูทยาง สวมถุงมือ รวมถึงสวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง
หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรม ควบคุมโรค โทร.1422