กรมอนามัยแนะ "6 แนวทาง Lifestyle Medicine" สำหรับวัยเกษียณ

15 ก.ย. 2566 | 14:00 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ย. 2566 | 09:45 น.

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข หนุน 6 เทคนิคตามแนวทาง Lifestyle Medicine หรือเวชศาสตร์วิถีชีวิต ทั้งในเรื่องของการกิน กิจกรรม การพักผ่อน ความรู้สึกและอารมณ์ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีและมีวัยเกษียณที่มีความสุข

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัยเผย ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Complete- Aged Society) และคาดว่าประเทศไทยจะเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอด (Super- Aged Society) ในปี 2574 และข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยพบว่า ผู้สูงอายุมีจำนวนทั้งหมด 12.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 19.4 จากประชากรทั้งหมด (ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2566) และมีผู้ทำงานในส่วนงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่กำลังจะเกษียณอายุในวันที่ 30 กันยายน 2566 นี้เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย

ผู้เกษียณถือว่าเป็นผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ซึ่งจะมีเวลาว่างมากขึ้น ส่งผลให้อาจมีความรู้สึกเหงา อ้างว้าง กลัว โดดเดี่ยว และมีการเข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงานน้อยลง จนอาจทำให้รู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเอง ซึมเศร้า หรือมีการใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ประกอบกับสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลง อาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพและจิตใจได้

กรมอนามัยแนะนำให้ผู้ที่จะเกษียณอายุและผู้สูงอายุสร้างแรงบันดาลใจในการจัดการสุขภาพตนเองตามแนวทาง Lifestyle Medicine หรือเวชศาสตร์วิถีชีวิต ภายใต้ 6 องค์ประกอบ ดังนี้


 

1. การกิน

  • เน้นกินข้าวกล้องและปลาเป็นหลัก กินตับ กินผักและผลไม้เป็นประจำ ลดอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม ให้เป็นนิสัย
  • ไม่ลืมดื่มน้ำ และดื่มนมให้เพียงพอ
  • กินอาหารสดใหม่ สะอาด ปลอดภัย และที่สำคัญให้กินอย่างมีความสุข 

 

2. กิจกรรมทางกายที่เหมาะสม

  • มีการทำกิจกรรมในความเหนื่อยระดับปานกลางสะสมให้ได้อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือโดยเฉลี่ยอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
  • ควบคู่กับการยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์ อาทิ การเคลื่อนไหวรูปแบบต่างๆ และการทรงตัวเพื่อป้องกันการหกล้ม ที่สำคัญควรมีการอบอุ่นร่างกาย รวมถึงคลายอุ่นร่างกายทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกายประมาณ 5-10 นาที 

 

3. การนอนหลับพักผ่อน

  • การนอนมีความสำคัญต่อร่างกาย เนื่องจากจะทำให้ร่างกายได้พักผ่อน ได้ซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกายตลอดทุกช่วงวัย ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย สมอง ระบบประสาท การเรียนรู้ และความจำ
  • ในวัยผู้สูงอายุ การนอนหลับไม่เพียงพอหรือโรคของการนอนหลับ เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ ซึ่งมีผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน อาทิ อาจเกิดภาวะภูมิต้านทานต่ำ หรือโรคประจำตัว รวมถึงเพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย

 

ทางกรมอนามัยให้ความสำคัญกับปัญหาการนอนหลับที่ไม่เพียงพอและไม่มีคุณภาพของคนไทย จึงได้มีการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการด้านการดูแลสุขภาพ เพื่อทำการวิเคราะห์ ประเมินการปฏิบัติและจัดการตนเอง พร้อมป้องกันและควบคุมความเสี่ยงที่ส่งผลต่อสุขภาพ

 

4. การควบคุมความเครียด และจัดการด้านอารมณ์ 

  • ในสังคมยุคปัจจุบันเราต้องใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดสภาวะเครียดและวิตกกังวล โดยสิ่งที่เราต้องทำให้ได้คือ การมีสติรับมือกับความเครียดและความวิตกกังวลที่อาจเกิดขึ้น

 

5. หลีกเลี่ยงสารหรือวัตถุที่เป็นอันตราย 

  • ในชีวิตประจำวันของเรามีสารเสพติดที่ส่งผลต่อสุขภาพในปริมาณเล็กน้อย จนหลายคนมองว่าเป็นเรื่องปกติทั้งๆ ที่มันไม่ปกติต่อสุขภาพแต่อย่างใด เช่น การสูบบุหรี่ และการดื่มสุรา ซึ่งเป็นเรื่องของวัฒนธรรมและการเข้าสังคม ทั้งนี้ ควรเลือกเดินสายกลางและดื่มแต่พอประมาณ 
  • กลุ่มผู้สูงอายุควรระมัดระวังเรื่องของสุขภาพ หากหลีกเลี่ยงได้จะดีที่สุด เพราะจะส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจตามมา 

 

6. การปฏิสัมพันธ์ทางสังคม หรือการเชื่อมโยงกับสังคม 

  • นับเป็นหัวใจสำคัญ เนื่องจากบางคนไม่มีทักษะการเรียนรู้ในสังคม แต่บางคนมีการปรับตัวได้ดี โดยสามารถทำให้ตัวเองรู้สึกมีคุณค่า อาทิ การเป็นจิตอาสาในองค์กรต่างๆ 

 

 

ทั้งนี้ การปฏิบัติตนตามแนวทาง Lifestyle Medicine หรือเวชศาสตร์วิถีชีวิต จะส่งผลให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่ดีและมีความสุข รวมถึงช่วยสร้างสังคมสูงวัยที่มีคุณภาพต่อไป