ภายหลังจากที่ องค์การสหประชาชาติได้ประกาศเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals: SDGs ภายในปี 2573 ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การมีสุขภาพ (Health) และสุขภาวะ (Well-being) ที่ดี ทำให้ธุรกิจสุขภาพกลายเป็นเทรนด์ที่น่าจับตาในปี 2566 โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ในปีนี้คาดว่าจะมีแบรนด์ใหม่ ๆ ถูกนำเสนออกมาอย่างต่อเนื่อง
นางสาวสุพรรณี โอฬารฤทธินันท์ เปิดเผยว่า จากแนวโน้มของกระแสดังกล่าวจึงได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ คอลลาเจนบูสผิว รสแอปเปิ้ลเขียว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาร่วมกับทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยคาดว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ได้ในช่วงเดือนเมษายน 2566
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะอยู่ภายใต้แบรนด์ COLLA QUEEN โดยมุ่งจะให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย และต้องไม่มีผลกระทบ (side effect) ในการบริโภค
นอกจากนี้ ที่้สำคัญจะต้องเห็นผล โดยแสดงออกเป็นผลลัพธ์ด้วยผิวที่ต้องสวยขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการค้นคว้างานวิจัยเกี่ยวกับคอลลาเจน รวมถึงคัดสรรวัตถดิบ และควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน
สำหรับคอลลาเจนนั้น ถือเป็นโปรตีนโครงสร้างหลักของผิวหนัง เส้นผม เล็บ กระดูกอ่อน ข้อต่อ หลอดเลือด กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงได้ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุที่มากขึ้น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การได้รับโภชนาการที่ไม่ดี การสูบบุหรี่ หรือ UV จากแสงแดด เป็นต้น
ปัจจุบันคอลลาเจนจึงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับความนิยมมาก โดยข้อมูลอ้างอิงจากการสำรวจของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินของประเทศไทย เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 149.3% โดยประชาชนกว่า 70% มีความเห็นว่าผลิตภัณฑ์อาารเสริมเป็นสิ่งจำเป็นต้องรับประทานเป็นประจำ และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินอยู่ที่ประมาณ 1,036 บาทต่อเดือน
ขณะที่ข้อมูลจาก Allied Market Research เปิดเผยว่าตลาดอาหารเสริมคอลลาเจนของโลกนั้น มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6.9% ต่อปี และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 3,017.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2570 โดยมีรูปแบบผลิตภัณฑ์คอลลาเจนที่ได้รับความนิยม ได้แก่ รูปแบบ powder ที่จะยังคงได้รับความนิยมสูง
รองลงมาคือ รูปแบบเครื่องดื่ม รูปแบบเม็ด แคปซูล และรูปแบบ jelly หรือ gummy ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการรับประทาน