แพทย์ใหญ่มะกันกังขา “โควิดเป็นศูนย์” แนะจีนป้องกันด้วยวัคซีนแทนปิดเมือง

28 พ.ย. 2565 | 02:49 น.

หลังเกิดเหตุประท้วงใหญ่ต่อต้านมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ในหลายเมืองของจีน ‘นพ. เฟาชี’  ที่ปรึกษาทำเนียบขาวด้านการแพทย์ ได้ออกมาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Covid Zero) ของจีน ว่ายิ่งทำก็ยิ่งยาก แนะใช้การฉีดวัคซีนป้องกัน แทนการล็อกดาวน์

 

นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี และ นายแพทย์อาชิช จาห์ เจ้าหน้าที่การแพทย์ระดับสูงของสหรัฐอเมริกา ได้แสดงความกังขาเกี่ยวกับการใช้ นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Covid Zero) ของ จีน โดยชี้ว่า นโยบายดังกล่าวไม่น่าจะช่วยควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรค โควิด-19 ได้โดยปราศจากการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเพิ่มมากขึ้น เพื่อขยายการสร้างภูมิคุ้มกัน

 

"เป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จีนจะสามารถควบคุมโรคระบาดผ่านนโยบายโควิดเป็นศูนย์" นายแพทย์จาห์ เจ้าหน้าที่ประสานงานการรับมือโควิด-19 ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐให้สัมภาษณ์ในรายการ "This Week" ทางสถานีโทรทัศน์ช่องเอบีซีเมื่อวันอาทิตย์ (27 พ.ย.)

 

ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายแพทย์จาห์และนายแพทย์เฟาชี หัวหน้าคณะที่ปรึกษาทางการแพทย์ของปธน.โจ ไบเดน ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับการประท้วงต่อต้านการบังคับใช้มาตรการจำกัดโควิด-19 บนท้องถนนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีน โดยนายแพทย์เฟาชี กล่าวว่า

นายแพทย์เฟาชี (ยืนกลาง) และนายแพทย์จาห์ (ขวา)

"ผมแนะนำให้จีนผลักดันการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ  ผมคิดว่ากลยุทธ์นี้เป็นวิธีที่จะช่วยให้รอดพ้นจากโควิด-19 ส่วนการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์และโควิดเป็นศูนย์ต่อไปนั้นถือเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง"

 

"การดำเนินนโยบายของจีนนั้นรุนแรงและทารุณ โดยพวกเขาขยายการล็อกดาวน์ออกไปเรื่อย ๆ แบบไร้เป้าหมาย หรือจุดสิ้นสุด ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลจริง ๆ เมื่อพิจารณาในแง่ของสาธารณสุข" นายแพทย์เฟาซีให้สัมภาษณ์ในรายการ "Meet the Press" ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี เขายังแสดงความเห็นด้วยว่า

 

วัคซีนจีนนั้น มีประสิทธิภาพน้อยกว่าวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทโมเดอร์นา อิงค์, ไฟเซอร์ อิงค์ และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน นอกจากนี้ เขายังกล่าวผ่านรายการ "Face the Nation" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า รัฐบาลจีนใช้มาตรการล็อกดาวน์โดยไม่มีกลยุทธ์ที่ดีในการเตรียมตัวสำหรับการเปิดประเทศ

 

ทั้งนี้ นายแพทย์เฟาชีได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวหลายแห่งของสหรัฐเมื่อวานนี้ (27 พ.ย.) ก่อนที่จะก้าวลงจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและภูมิแพ้แห่งชาติสหรัฐในเดือนธ.ค.นี้ หลังจากทำงานในตำแหน่งดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2527