หมอเด็ก เตือนเฝ้าระวัง 'โรคชิคุนกุนยา' ที่มาพร้อมกับยุงลาย

30 ส.ค. 2568 | 13:00 น.

สถาบันสุขภาพเด็กฯ เตือนพ่อแม่เฝ้าระวัง 'โรคชิคุนกุนยา' จากยุงลาย สังเกตอาการ พบไข้สูง ปวดข้อรุนแรง อาการคล้ายไข้เลือดออก แนะหลีกเลี่ยงยุงกัด-กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์

โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya) หรือ โรคไข้ปวดข้อยุงลาย เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มียุงลายสวนและยุงลายบ้านเป็นพาหะนำโรค พบได้ทุกช่วงวัย โรคนี้มีอาการคล้ายกับโรคไข้เลือดออกแต่มักไม่เป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต

นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เมื่อถูกยุงลายที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยากัด มีระยะฟักตัวของโรค 1 - 12 วัน แต่ที่พบบ่อยจะอยู่ที่ประมาณ 3 - 7 วัน ทำให้มีอาการไข้สูงเฉียบพลัน อาจมีถึง 40 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-4 วัน ปวดศีรษะ หรือปวดกระบอกตา คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย มีผื่นแดงตามตัวแต่ไม่คัน

อาการที่สำคัญ คือ ปวดข้อ ปวดกระดูก ในบางรายอาจมีอาการปวดข้อเรื้อรังต่อเนื่อง สำหรับในรายที่รุนแรงอาจพบเกล็ดเลือดต่ำและมีอาการช็อกได้ แต่พบได้น้อยมาก 

นายแพทย์อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคชิคุนกุนยา ในรายที่รุนแรงอาจมีเกร็ดเลือดต่ำและมีอาการช็อกแต่พบได้น้อยมาก

บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงควรเฝ้าระวังในผู้มีโรคประจำตัว, ผู้สูงอายุ, หญิงตั้งครรภ์, เด็กเล็ก โรคนี้ยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะแต่เป็นการรักษาตามอาการของโรคและส่วนใหญ่สามารถหายเองได้แต่ไม่ควรวินิจฉัยโรคหรือรักษาตนเองที่บ้าน หากมีอาการต้องสงสัยว่าติดเชื้อ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที

การป้องกันที่ดีที่สุด คือ ไม่ให้ยุงกัด เช่น ใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด ทายากันยุง ติดตั้งอุปกรณ์กันยุง เช่นมุ้งลวดภายในบ้าน

ทั้งนี้ ควรเก็บบ้านให้สะอาด โปร่ง โล่ง ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ภาชนะที่ใส่น้ำจะต้องปิดฝาให้มิดชิด หรือหมั่นทำความสะอาด เปลี่ยนถ่ายน้ำ ใส่ทรายหรือแบคทีเรียกำจัดลูกน้ำป้องกันไม่ให้ยุงลายมาวางไข่ซึ่งจะสามารถป้องกันได้ถึง 3 โรค คือ โรคชิคุนกุนยาหรือโรคไข้ปวดข้อยุงลาย โรคไข้เลือดออก และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา