มาตรการพิเศษ 'สิทธิบัตรทอง' ในพื้นที่วิกฤต รักษาได้ต่อเนื่อง ไม่เสียค่าใช้จ่าย 

30 ก.ค. 2568 | 05:25 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ค. 2568 | 06:04 น.

สปสช. แจงมาตรการช่วยเหลือผู้ป่วยบัตรทองได้รับผลกระทบจากเหตุ "น้ำท่วมภาคเหนือ- ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา" ยืนยันใช้สิทธิรักษาได้ต่อเนื่องทุกรพ. ไม่เสียค่าใช้จ่าย

30 กรกฎาคม 2568 นพ.ดุสิต ขำชัยภูมิ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา และสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคเหนือที่ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของประชาชนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) นั้น

ที่ผ่านมา สปสช. เขตพื้นที่ได้ประสานกับหน่วยบริการในพื้นที่เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้ สปสช.จะทำหนังสือถึงหน่วยบริการเพื่อซักซ้อมการดำเนินการให้หน่วยบริการสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างสะดวกภายใต้สถานการณ์จำเป็น ดังนี้

1. การยืนยันตัวตนและการปิดสิทธิหลังรับบริการ มอบ สปสช. แต่ละเขตพื้นที่ทำหนังสือแจ้งขอยกเว้นการปิดสิทธิของหน่วยบริการที่ได้รับผลกระทบและบริการที่เข้าข่ายยกเว้นเป็นรายกรณีตามความจำเป็น

2. การให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมนอกเวลาทำการและที่ทำเกินศักยภาพ โดยในช่วงสถานการณ์ขณะนี้ให้ ยกเว้นการให้บริการกรณีที่เกินจากศักยภาพตามที่หน่วยบริการฟอกไตได้เคยแจ้งกับ สปสช. ไว้แต่ทั้งนี้ยังคงยึดการให้บริการตามมาตรฐานทางการแพทย์เช่นเดิม

3. การบริการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (LTC) สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่อพยพมาจากต่างพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ให้ สปสช. เขตประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อให้การดูแลกลุ่มผู้ป่วยที่อพยพ โดยใช้งบประมาณกองทุน LTC ในการดูแล

-กรณีผู้ป่วยมีภาวะพึ่งพิงที่จำเป็นต้องเดินทางมารับบริการที่หน่วยบริการ

ที่ประชุมได้มอบให้ สายด่วน สปสช. 1330 หารือกับมูลนิธิเส้นด้าย หรือประสานกับทาง อปท. ในการจัดบริการรถรับส่งสำหรับผู้ป่วย

นพ.ดุสิต ขำชัยภูมิ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

-กรณีกลุ่มผู้ที่อพยพเข้ามายังกรุงเทพมหานคร

ให้ สปสช. เขต 13 กรุงเทพมหานคร ประสานกับสายด่วน สปสช. 1330 ในการจัดระบบดูแลผู้อพยพมาพักในพื้นที่ กทม. และทำหนังสือแจ้งหน่วยบริการในพื้นที่ในการรักษาผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาและบริการสาธารณสุข โดยให้ถือเป็น "กรณีเหตุสมควร"

สำหรับบ้านของผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์จนเกิดความเสียหาย ทั้งกรณีของบริการน้ำยาล้างไตและผ้าอ้อมผู้ใหญ่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานเพื่อจัดส่งทดแทนให้กับผู้ป่วย โดยบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณด.) จะจัดส่งน้ำยาล้างไตให้ ส่วนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ทาง อบต./เทศบาลในพื้นที่จะเป็นผู้ดูแล

นอกจากนี้ในส่วนของการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบซึ่งต้องรับยาต่อเนื่องนั้น โรงพยาบาลสามารถดำเนินการได้เลย ซึ่งเป็นระบบปกติอยู่แล้ว และไม่ได้กำหนดไว้ว่าต้องจ่ายยาสำหรับ 7 วัน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล

พร้อมกันนี้ สปสช. ได้ชี้แจงประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ สามารถไปใช้บริการ 30 บาทรักษาทุกที่ได้ที่ร้านยาคุณภาพ ปรึกษาเภสัชกรและรับยาตามอาการได้ โดยดูจากหน้าร้านยาจะมีสติกเกอร์ 30 บาทรักษาทุกที่ติดที่หน้าร้าน หรือประชาชนท่านใดสะดวกในการใช้โทรศัพท์เพื่อพบหมอออนไลน์ก็ใช้บริการได้กับ 3 แอปพลิเคชัน เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ป่วยได้เข้ารักษานอกเหนือจากไปที่หน่วยบริการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 โทรฟรี 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ สปสช. ตระหนักต่อสถานการณ์ที่ประชาชนโดยเฉพาะผู้ป่วยบัตรทองที่ต้องเผชิญซึ่งได้มีการประสานเพื่อจัดระบบรองรับ ดังนั้น ในวันนี้หากประชาชนอพยพชั่วคราวไปอยู่ในพื้นที่ใด จังหวัดใด ท่านยังคงใช้สิทธิบัตรทองในการเข้ารับบริการที่หน่วยบริการในระบบในพื้นที่ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดย สปสช.ขอให้ความมั่นใจ

พร้อมกันนี้ สปสช. ขอความร่วมมือไปยังหน่วยบริการในพื้นที่ต่าง ๆ หากมีผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบมารับบริการ ขอให้ท่านให้บริการกับผู้ป่วยโดยไม่ต้องเรียกเก็บค่าใช้จ่าย และขอยืนยันว่า ท่านสามารถทำการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการดังกล่าวมายัง สปสช. ได้ตามประกาศหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่ง สปสช. ขอขอบคุณทุกๆ หน่วยบริการเป็นอย่างยิ่งที่ได้ช่วยกันดูแลประชาชนในช่วงสถานการณ์วิกฤตนี้ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว