‘ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์’ เดินหน้าวิจัยเชิงลึก เสริมแกร่งสุขภาพคนไทย

10 พ.ย. 2568 | 20:52 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ย. 2568 | 21:03 น.

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์-โนวาร์ตีส =ลงนามความร่วมมือด้านวิชาการในกรอบระยะเวลา 5 ปี ยกระดับการแพทย์ ค้นคว้าวิจัยเชิงลึกและนวัตกรรม ขยายผลเครือข่ายวิชาการเพื่อผู้ป่วยไทย

KEY

POINTS

  • ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ลงนามความร่วมมือกับบริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงลึกและพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์
  • ความร่วมมือมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยไทยอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบระยะเวลา 5 ปี
  • ได้ริเริ่มโครงการนำร่อง “นักนำทางผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมืออาชีพ” เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รักษาการรองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ในฐานะศูนย์กลางการเรียนการสอนและการวิจัย มุ่งขับเคลื่อนพันธกิจในการสร้างองค์ความรู้ วิจัย และนวัตกรรมทางการแพทย์ที่นำไปปฏิบัติได้จริง เพื่อส่งเสริมสุขภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย 

โดยร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ บริการทางการแพทย์ การค้นคว้าวิจัย และนวัตกรรม กับบริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทยาและเวชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก โดยมีเป้าหมายสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ขยายผลเครือข่ายวิชาการ และขับเคลื่อนการวิจัยเชิงลึกที่นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยไทยอย่างยั่งยืน

“ความร่วมมือครั้งนี้มีกรอบระยะเวลา 5 ปี ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสาธารณสุข เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างเครือข่ายองค์ความรู้และนวัตกรรมทางการแพทย์ ที่ผสานความเชี่ยวชาญของสถาบันทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทยเข้ากับศักยภาพในการค้นคว้า วิจัย และพัฒนานวัตกรรมยา เสริมแกร่งระบบสาธารณสุขไทยสู่ระดับนานาชาติ”

‘ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์’ เดินหน้าวิจัยเชิงลึก เสริมแกร่งสุขภาพคนไทย

ความร่วมมือดังกล่าว มุ่งเน้นการเชื่อมโยงองค์ความรู้ระหว่างบุคลากรของทั้งสองสถาบัน ผ่านการวิจัย การแลกเปลี่ยนทางวิชาการ และกิจกรรมเชิงปฏิบัติการรูปแบบต่างๆเสริมสร้างศักยภาพด้านการแพทย์อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดที่โนวาร์ตีส ประเทศไทย ร่วมกับ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ยุงได้พัฒนา“โครงการนักนำทางผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมืออาชีพ” (CRA Patient Navigation Program for Breast Cancer) นับเป็นหนึ่งในโครงการนำร่อง ภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวด้วย

โครงการนี้มุ่งค้นคว้าแนวทางให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ให้สามารถเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ผ่านการรับฟังเสียงผู้ป่วยและความเข้าใจเชิงลึกในเส้นทางการรักษา การดำเนินโครงการดังกล่าว จึงเป็นการต่อยอดแนวคิดการพัฒนาทางเลือกของกระบวนการรักษาที่หลากหลาย เพื่อลดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างแท้จริง ตามแนวทางของความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างทั้งสองฝ่าย

นางซัง ลี ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและการสนับสนุนผู้ป่วย โนวาร์ตีส ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลางและแอฟริกา กล่าวว่า โนวาร์ตีส ในฐานะบริษัทด้านเวชภัณฑ์และยาระดับโลก มุ่งมั่นขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนา เพื่อค้นคว้าวิธีการใหม่ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

โดยประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เป็นต้นแบบของการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม และการพัฒนาระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ ด้วยความมุ่งมั่นที่มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ความร่วมมือนี้จะช่วยขยายบทบาทของโนวาร์ตีส นอกเหนือจากการสนับสนุนผู้ป่วยไปสู่การเชื่อมโยงกับการแพทย์ งานวิจัย และนวัตกรรม ส่งเสริมความเข้มแข็งให้แก่ระบบสาธารณสุขของประเทศต่อไป

ด้าน เภสัชกรหญิงสุมาลี คริสธานินทร์ ประธานบริหาร บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนบทบาทเชิงกลยุทธ์ของโนวาร์ตีส ในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบสาธารณสุขของไทย ด้วยการผสานการพัฒนายานวัตกรรมการรักษา เข้ากับความร่วมมือทางวิชาการ เสริมสร้างศักยภาพทางการแพทย์ ส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรม และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษา 

ทั้งนี้ โครงการนำร่อง ‘Breast Cancer Patient Navigation Program’ ประสบความสำเร็จในการช่วยให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลเข้าใจแนวทางการรักษา สะท้อนปัญหาในการเข้าถึงบริการ และวางรากฐานเชิงนโยบายเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่วสำเร็จดังกล่าวทำให้เกิดแผนขยายโครงการไปสู่กลุ่มโรคอื่นๆ สนับสนุนความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศไทยในระยะยาว

 

อย่างไรก็ตาม การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นก้าวสำคัญทางวิชาการ แต่ยังเป็นการตอกย้ำพันธกิจร่วมกันของทั้งสององค์กร ในการยกระดับขีดความสามารถด้านการวิจัยทางการแพทย์ของประเทศไทย ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางการแพทย์เชิงลึกอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในกระบวนการรักษา พร้อมขับเคลื่อนให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ต่อการพัฒนาระบบสาธารณสุขของไทยและภูมิภาคอย่างมั่นคงในระยะยาว