KEY
POINTS
นายแบร์รี่ วอล์ฟแมน Senior Executive Director of Operations โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “โรคหัวใจและหลอดเลือด” ยังคงเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของผู้คนทั่วโลก ด้วยสถิติจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้กว่า 17-18 ล้านคนต่อปี หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น แนวโน้มของโรคยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มคนอายุน้อยที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ภาวะอ้วน และวิถีชีวิตที่เร่งรีบ
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จึงมุ่งมั่นพัฒนาสถาบันโรคหัวใจ ซึ่งเป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์เฉพาะทาง ที่พร้อมรับมือกับโรคหัวใจทุกรูปแบบด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพ เพื่อส่งมอบการรักษาที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผู้ป่วยกลับไปมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อีกครั้ง ด้วยความภาคภูมิใจในการเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพระดับจตุตถภูมิ (Quaternary Care) ซึ่งเป็นการดูแลรักษาทางการแพทย์ระดับสูงสุด
“เรามุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการรักษามาตลอดกว่า 45 ปี โดยมีทีมแพทย์ผู้บุกเบิกด้านการดูแลรักษาโรคหัวใจ ซึ่งนำแนวทางปฏิบัติที่ได้มาตรฐานระดับโลกและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพมาสู่ผู้ป่วยทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งบำรุงราษฎร์ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Newsweek ให้เป็นหนึ่งใน ‘โรงพยาบาลเฉพาะทางที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2569’ สาขาโรคหัวใจ และยังได้รับการยอมรับในฐานะ ‘โรงพยาบาลอัจฉริยะที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2569 ”
ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า บำรุงราษฎร์ตระหนักถึงปัญหาโรคหัวใจ จึงมุ่งมั่นที่จะทำให้ผู้ป่วยหายจากภาวะเจ็บป่วยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยสถาบันโรคหัวใจที่เป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ พร้อมดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเคสที่ยากหรือซับซ้อน โดยอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ของแพทย์ ในการให้คำแนะนำและรักษาอย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
ศ.นพ. กุลวี เนตรมณี ผู้อำนวยการสถาบันโรคหัวใจ และอายุรแพทย์โรคหัวใจ ผู้เชี่ยวชาญด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า การรักษาโรคหัวใจที่บำรุงราษฎร์คือการวินิจฉัยตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพราะโรคหัวใจมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะเข้าสู่ระยะรุนแรง การตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนและช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ และบำรุงราษฎร์ได้นำเทคโนโลยีการวินิจฉัยที่ทันสมัยมาใช้
เช่น เครื่อง Photon-Counting CT ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถประเมินการทำงานของหัวใจ ตรวจหาความผิดปกติต่างๆ ได้อย่างละเอียดและแม่นยำ สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ในส่วนของการรักษาก็จะมุ่งเน้นการรักษาแบบบาดเจ็บน้อยที่สุด (Minimally Invasive) ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัยสูง ลดระยะเวลาการพักฟื้น สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ สถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ยังมีห้องปฏิบัติการ สรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจที่ทันสมัย เพื่อรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ซับซ้อน เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในเอเชียที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI ในโปรแกรมการรักษาผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure Program) ตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน และยังได้รับอนุญาตให้เป็นศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยด้วย
ศ.นพ. กุลวี กล่าวว่า สถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ พร้อมยกระดับการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจขั้นรุนแรงด้วยเทคโนโลยี Mechanical Circulatory Support (MCS) ที่ครอบคลุม เช่น เทคโนโลยี LVAD หรือ Left Ventricular Assist Device เพื่อการพยุงหัวใจระยะยาวและเป็นสะพานรอรับการปลูกถ่ายหัวใจ, ECMO สำหรับการช่วยพยุงหัวใจและปอดชั่วคราวในภาวะวิกฤต และเทคโนโลยี pVAD (Percutaneous ventricular assist device: Impella) เครื่องปั๊มหัวใจขนาดเล็กที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA)
ยังมีเครื่อง ECMO ในการรักษาแบบ “ECpella” และที่เป็นจุดแข็งคือทีมแพทย์สหสาขา ที่มีความเชี่ยวชาญและผ่านการฝึกอบรมเข้มข้น สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นทางเลือกในการรักษาโรคหัวใจที่ซับซ้อนให้กับผู้ป่วยจากทั่วทุกมุมโลก และในอนาคตสถาบันโรคหัวใจโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการดูแลโรคหัวใจอย่างต่อเนื่อง
โดยมีแผนลงทุนในเวชศาสตร์แม่นยำและจีโนมิกส์ รวมถึงขยายการใช้เครื่องมือ AI และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น รวมทั้งนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อลดความเสี่ยงและช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้นส่งมอบทางเลือกของการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐานระดับโลก ให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด