ผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้าน คือปัญหาที่อาจเริ่มต้นแบบเบา ๆ แล้วจบลงด้วยการกระทบความมั่นใจในระดับลึกโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องเจอทั้งภาวะเครียด สภาพแวดล้อมเป็นพิษ และไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ จนบางครั้งมองข้ามสัญญาณของร่างกายที่พยายามบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมของคุณ
แพทย์หญิงกรผกา ขันติโกสุม แพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนัง ศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า หนึ่งในสาเหตุของปัญหาผมร่วงที่พบได้บ่อยและหลายคนมักมองข้าม คือ “ความเครียด” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนวัยทำงานอายุระหว่าง 25-45 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ชีวิตเต็มไปด้วยแรงกดดันจากงานและหน้าที่รับผิดชอบ
ส่งผลให้เกิดภาวะเครียดสะสม ในบางรายที่มีภาวะเครียดเรื้อรังหรือมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย อาจมีพฤติกรรมดึงผมตัวเองแบบไม่รู้ตัว หรือที่เราเรียกว่าโรคดึงผมตัวเอง (Trichotillomania) ซึ่งอาจทำให้ผมบางเร็วขึ้น
อย่างไรก็ดี “ยิ่งเครียด ยิ่งผมร่วง” ไม่ใช่แค่เรื่องความรู้สึก แต่เป็นผลทางชีววิทยาที่เกิดขึ้นจริง และถ้าปล่อยไว้นาน อาจลุกลามไปสู่ภาวะผมบางถาวร ซึ่งแม้เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันจะก้าวหน้าเพียงใด แต่เมื่อรากผมตายแล้ว การฟื้นฟูให้กลับมาเช่นเดิมก็อาจสายเกินไป
สำหรับคนในวัย 25–45 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงของการสร้างตัว การแข่งขันในหน้าที่การงานและความคาดหวังจากสังคม อาจเป็นแรงกดดันที่ก่อให้เกิดภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัว และความเครียดนี้เอง คือหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้ผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ
นอกจากความเครียด ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่ทำให้ผมร่วงได้มากกว่าปกติ ได้แก่
“เส้นผมก็เหมือนพืชที่ต้องการดินดี แสงแดด และน้ำ พอรากผมขาดสารอาหารหรืออยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม มันก็จะหลุดร่วงไปตามธรรมชาติ” แพทย์หญิงกรผกา กล่าวเสริม
เช็กตัวเอง! ผมร่วงแค่ไหนถึงต้องพบแพทย์
โดยทั่วไปแล้ว เส้นผมของคนเราจะร่วงประมาณ 100 เส้นต่อวัน และในวันที่สระผมอาจมากถึง 200 เส้น ซึ่งยังถือว่า “ปกติ” แต่ถ้าคุณพบว่าผมติดหมอน ผมติดหวี หรือร่วงจนเต็มพื้นห้องน้ำมากกว่าที่เคย ควรเริ่มจับตาดู
“วิธีง่าย ๆ คือให้ลองสางผมด้วยนิ้วมือเบา ๆ ถ้ามีผมร่วงเกิน 2 เส้นติดต่อกันหลายครั้ง แสดงว่าเริ่มมีปัญหา ควรพบแพทย์เพื่อประเมินให้ละเอียด โดยเฉพาะถ้ามีอาการร่วมอื่น เช่น ผมร่วงเป็นหย่อม หัวล้านเป็นจุด คัน แสบ แดง หรือมีสะเก็ด ก็ยิ่งไม่ควรรอ”
อีกหนึ่งสัญญาณอันตราย คือ ผมร่วงรวดเร็วภายใน 2–4 สัปดาห์ หรือเริ่มเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในบริเวณกลางหัว หน้าผาก หรือขมับสองข้าง รวมถึงมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด หรือประจำเดือนขาด ก็ยิ่งต้องรีบพบแพทย์
ทางเลือกในการรักษา: จากยาไปจนถึงเทคโนโลยีปลูกผม
แนวทางการรักษาภาวะผมร่วงในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ โดยขึ้นกับสาเหตุและระดับความรุนแรงของอาการ
“สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมช่วยแค่ ‘ชะลอ’ ไม่ใช่ ‘รักษา’ หากรากผมเสียหายหรือหายไปแล้ว ต้องใช้การรักษาทางการแพทย์เท่านั้น” พญ.กรผกา กล่าวอย่างชัดเจน
เมื่อทุกอย่างไม่พอ... เทคโนโลยีปลูกผม คือทางเลือกถาวร
สำหรับคนที่มีภาวะผมบางมากหรือหัวล้าน แพทย์อาจแนะนำให้ปลูกผม โดยมี 2 วิธีหลักคือ
อนาคตของการรักษาผมยังมีความหวังจากงานวิจัยด้านสเต็มเซลล์ และเทคโนโลยี 3D Hair Bioprinting ที่อาจช่วย “สร้างรากผมใหม่” ได้จริงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
“เราเข้าใจว่าผมร่วงอาจทำให้ใครหลายคนหมดความมั่นใจ โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่ต้องพบเจอผู้คนมาก แต่ความจริงคือ ‘ผมร่วงไม่ใช่เรื่องน่าอาย’ และสามารถรักษาได้ถ้าเรารู้ทันและเริ่มดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ” พญ.กรผกา ขันติโกสุม กล่าว