แพทย์ชี้ เครียดทำให้ “ผมร่วง-หัวล้าน” จริงหรือไม่ พร้อมวิธีรับมือและการรักษา

17 ก.ค. 2568 | 07:09 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ค. 2568 | 07:17 น.

ภาวะเครียด ทำผมร่วง ผมบาง หัวล้าน จริงหรือไม่ หมอผิวหนังมีคำตอบ แนะเช็กอาการ หาสาเหตุแต่เนิ่น ๆ ก่อนสายเกินแก้

ผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้าน คือปัญหาที่อาจเริ่มต้นแบบเบา ๆ แล้วจบลงด้วยการกระทบความมั่นใจในระดับลึกโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องเจอทั้งภาวะเครียด สภาพแวดล้อมเป็นพิษ และไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ จนบางครั้งมองข้ามสัญญาณของร่างกายที่พยายามบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมของคุณ

แพทย์หญิงกรผกา ขันติโกสุม แพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนัง ศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า หนึ่งในสาเหตุของปัญหาผมร่วงที่พบได้บ่อยและหลายคนมักมองข้าม คือ “ความเครียด” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนวัยทำงานอายุระหว่าง 25-45 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ชีวิตเต็มไปด้วยแรงกดดันจากงานและหน้าที่รับผิดชอบ

แพทย์ชี้ เครียดทำให้ “ผมร่วง-หัวล้าน” จริงหรือไม่ พร้อมวิธีรับมือและการรักษา

ส่งผลให้เกิดภาวะเครียดสะสม ในบางรายที่มีภาวะเครียดเรื้อรังหรือมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย อาจมีพฤติกรรมดึงผมตัวเองแบบไม่รู้ตัว หรือที่เราเรียกว่าโรคดึงผมตัวเอง (Trichotillomania) ซึ่งอาจทำให้ผมบางเร็วขึ้น

อย่างไรก็ดี “ยิ่งเครียด ยิ่งผมร่วง” ไม่ใช่แค่เรื่องความรู้สึก แต่เป็นผลทางชีววิทยาที่เกิดขึ้นจริง และถ้าปล่อยไว้นาน อาจลุกลามไปสู่ภาวะผมบางถาวร ซึ่งแม้เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันจะก้าวหน้าเพียงใด แต่เมื่อรากผมตายแล้ว การฟื้นฟูให้กลับมาเช่นเดิมก็อาจสายเกินไป

สำหรับคนในวัย 25–45 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงของการสร้างตัว การแข่งขันในหน้าที่การงานและความคาดหวังจากสังคม อาจเป็นแรงกดดันที่ก่อให้เกิดภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัว และความเครียดนี้เอง คือหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้ผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ

นอกจากความเครียด ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่ทำให้ผมร่วงได้มากกว่าปกติ ได้แก่

  • พันธุกรรม (Androgenetic Alopecia): ภาวะผมบางที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะในเพศชายที่มีความไวต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งส่งผลให้รากผมหดตัวและเส้นผมบางลงอย่างถาวร
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: เช่น ผู้หญิงหลังคลอด วัยหมดประจำเดือน หรือผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดและยารักษาสิว
  • ภาวะโภชนาการบกพร่อง: การอดอาหาร หรือขาดสารอาหารสำคัญอย่างธาตุเหล็ก วิตามิน D, B12 และโปรตีน
  • พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม: เช่น นอนทั้งที่ผมยังเปียก หวีผมแรงขณะเปียก มัดผมตึง ใช้ไดร์/หนีบร้อนเกินไป ใช้สารเคมีแรง หรือย้อมสีบ่อยเกินไป
  • โรคผิวหนัง: เช่น ผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) หรือผื่นเซ็บเดิร์มที่หนังศีรษะ
  • ผลข้างเคียงของยา: เช่น เคมีบำบัด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยารักษาโรคทางจิตเวช
  • มลภาวะ: ฝุ่น PM 2.5, สารเคมีจากอากาศ
  • พฤติกรรมเสี่ยง: การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และพักผ่อนไม่พอ

แพทย์หญิงกรผกา ขันติโกสุม

“เส้นผมก็เหมือนพืชที่ต้องการดินดี แสงแดด และน้ำ พอรากผมขาดสารอาหารหรืออยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม มันก็จะหลุดร่วงไปตามธรรมชาติ” แพทย์หญิงกรผกา กล่าวเสริม

เช็กตัวเอง! ผมร่วงแค่ไหนถึงต้องพบแพทย์

โดยทั่วไปแล้ว เส้นผมของคนเราจะร่วงประมาณ 100 เส้นต่อวัน และในวันที่สระผมอาจมากถึง 200 เส้น ซึ่งยังถือว่า “ปกติ” แต่ถ้าคุณพบว่าผมติดหมอน ผมติดหวี หรือร่วงจนเต็มพื้นห้องน้ำมากกว่าที่เคย ควรเริ่มจับตาดู

“วิธีง่าย ๆ คือให้ลองสางผมด้วยนิ้วมือเบา ๆ ถ้ามีผมร่วงเกิน 2 เส้นติดต่อกันหลายครั้ง แสดงว่าเริ่มมีปัญหา ควรพบแพทย์เพื่อประเมินให้ละเอียด โดยเฉพาะถ้ามีอาการร่วมอื่น เช่น ผมร่วงเป็นหย่อม หัวล้านเป็นจุด คัน แสบ แดง หรือมีสะเก็ด ก็ยิ่งไม่ควรรอ”

อีกหนึ่งสัญญาณอันตราย คือ ผมร่วงรวดเร็วภายใน 2–4 สัปดาห์ หรือเริ่มเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในบริเวณกลางหัว หน้าผาก หรือขมับสองข้าง รวมถึงมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด หรือประจำเดือนขาด ก็ยิ่งต้องรีบพบแพทย์

แพทย์ชี้ เครียดทำให้ “ผมร่วง-หัวล้าน” จริงหรือไม่ พร้อมวิธีรับมือและการรักษา

ทางเลือกในการรักษา: จากยาไปจนถึงเทคโนโลยีปลูกผม

แนวทางการรักษาภาวะผมร่วงในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ โดยขึ้นกับสาเหตุและระดับความรุนแรงของอาการ

  • ยาทา Minoxidil: กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณหนังศีรษะ ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
  • ยากิน Finasteride: ลดฮอร์โมน DHT เหมาะกับผู้ชายที่มีผมร่วงจากพันธุกรรม
  • การฉีด PRP (Platelet-Rich Plasma): ใช้เกล็ดเลือดของตัวเองฉีดเข้าหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการงอกของเส้นผม
  • เลเซอร์ความเข้มต่ำ (Low-Level Laser Therapy): กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วยแสงสีแดง
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผม: เช่น แชมพูที่มี Ketoconazole, Saw Palmetto, ไบโอติน หรือวิตามินต่าง ๆ

 

“สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมช่วยแค่ ‘ชะลอ’ ไม่ใช่ ‘รักษา’ หากรากผมเสียหายหรือหายไปแล้ว ต้องใช้การรักษาทางการแพทย์เท่านั้น” พญ.กรผกา กล่าวอย่างชัดเจน

 

เมื่อทุกอย่างไม่พอ... เทคโนโลยีปลูกผม คือทางเลือกถาวร

สำหรับคนที่มีภาวะผมบางมากหรือหัวล้าน แพทย์อาจแนะนำให้ปลูกผม โดยมี 2 วิธีหลักคือ

  • FUE (Follicular Unit Extraction): เจาะย้ายกราฟต์รากผมทีละเส้น เหมาะกับคนที่ต้องการแผลเล็ก ฟื้นตัวไว ดูเป็นธรรมชาติ
  • FUT (Follicular Unit Transplantation): ผ่าตัดย้ายหนังศีรษะบริเวณท้ายทอย เหมาะกับคนที่ต้องการกราฟต์จำนวนมากในครั้งเดียว แต่จะมีรอยแผลขนาดใหญ่

อนาคตของการรักษาผมยังมีความหวังจากงานวิจัยด้านสเต็มเซลล์ และเทคโนโลยี 3D Hair Bioprinting ที่อาจช่วย “สร้างรากผมใหม่” ได้จริงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

“เราเข้าใจว่าผมร่วงอาจทำให้ใครหลายคนหมดความมั่นใจ โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่ต้องพบเจอผู้คนมาก แต่ความจริงคือ ‘ผมร่วงไม่ใช่เรื่องน่าอาย’ และสามารถรักษาได้ถ้าเรารู้ทันและเริ่มดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ” พญ.กรผกา ขันติโกสุม กล่าว