กทม.จับมือ "ไบเออร์ไทย" ต้านโรคช็อกโกแลตซีสต์ สู่เมืองสุขภาพดี

23 มิ.ย. 2568 | 13:11 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2568 | 13:28 น.

กรุงเทพมหานคร MOU บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด สร้างความร่วมมือตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) และการเพิ่มอัตราการเข้าถึงยาและบริการทางการแพทย์ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ดร.พญ.เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักการแพทย์ และ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Understanding: MOU) ความร่วมมือเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) และการเพิ่มอัตราการเข้าถึงยาและบริการทางการแพทย์ เพื่อสนับสนุนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

กทม.จับมือ "ไบเออร์ไทย" ต้านโรคช็อกโกแลตซีสต์ สู่เมืองสุขภาพดี

โดยขยายเวลาความร่วมมือจากปี 2567 รณรงค์ให้ประชาชนมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคช็อกโกแลตซีสต์ เพิ่มโอกาสในการตรวจคัดกรองและการเข้ารับการรักษาโรคช็อกโกแลตซีสต์มากยิ่งขึ้น และความร่วมมือนี้จะนำไปสู่การพัฒนาและสร้างมาตรฐานการดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในสังคม 

การลงนามในการขยายระยะเวลาของ MOU นี้จะเพิ่มศักยภาพในการขยายโอกาสออกไปสู่โรงพยาบาลสังกัดกทม. แห่งอื่นๆ ซึ่งจะยกระดับการดูแลป้องกันและรักษาโรคช็อกโกแลตซีสต์ได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

ปัจจุบันภาวะโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่หรือช็อกโกแลตซีสต์ เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพของผู้หญิงที่สามารถป้องกันและรักษาได้ ด้วยการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและรับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ และกรุงเทพมหานคร ประสบความสำเร็จในการรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนร่วมกับ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด และโรงพยาบาลในสังกัดกทม. 4 แห่ง 

ได้แก่ โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และโรงพยาบาลสิรินธร ผ่านทางสื่อต่างๆ เช่น แผ่นพับ วิดีโอ และจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคช็อกโกแลตซีสต์ ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา

กทม.จับมือ "ไบเออร์ไทย" ต้านโรคช็อกโกแลตซีสต์ สู่เมืองสุขภาพดี

“ผลตอบรับจากโครงการในปีแรกทำให้ประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้น ว่าอาการที่เป็นอยู่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดโรคช็อกโกแลตซีสต์ ส่งผลให้มีคนเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และช่วยให้ประชาชนเพิ่มอัตราการเข้าถึงยา บริการทางการแพทย์ การตรวจคัดกรองและการรักษาโรคนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความรุนแรงของการเกิดโรค แต่ยังส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม”

ดร.พญ.เลิศลักษณ์ กล่าวว่า ความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพอย่าง บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด จะช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์และนโยบายในการสร้าง เมืองสุขภาพดี หรือ Healthy City ตามแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ของกทม.อีกด้วย

ด้าน นายแบรดลี่ย์ เจมส์ วิลเลี่ยมส์ กรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจฟาร์มาซูติคอล บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร สะท้อนความมุ่งมั่นของไบเออร์ไทย ที่จะสร้างประโยชน์ให้สังคมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้ กทม.และไบเออร์ไทย จะดำเนินการในกิจกรรมการสร้างความตระหนักรู้ เกี่ยวกับโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในการเสวนา“เช็กก่อนช็อก (โกแลตชีสต์)” 

กทม.จับมือ "ไบเออร์ไทย" ต้านโรคช็อกโกแลตซีสต์ สู่เมืองสุขภาพดี

โดยให้ความรู้แก่ประชาชนร่วมกับแพทย์เฉพาะทางของโรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุข ในสังกัด กทม. ตลอดจนการเผยแพร่สิ่งพิมพ์และกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้หญิงตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพของตนเอง ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำวินิจฉัย และเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที

“ไบเออร์ไทย มีความยินดีที่เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนไทยและสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ชุมชนผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทในการส่งเสริมให้ “ทุกคนมีสุขภาพดีและไม่ขาดแคลนอาหาร” (Health for all, Hunger for none) และเป็นผู้นำปลุกพลังแห่งความเปลี่ยนแปลงสังคมด้านการดูแลสุขภาพในทุกๆ มิติ”

กทม.จับมือ "ไบเออร์ไทย" ต้านโรคช็อกโกแลตซีสต์ สู่เมืองสุขภาพดี

สำหรับ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เกิดจากภาวะประจำเดือนไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้อง ซึ่งประจำเดือนเหล่านี้มีเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ด้วย เมื่อไปเกาะอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งก็อาจเจริญเติบโตเกิดเป็นพังผืด หรือสะสมอยู่ในรังไข่จนเกิดเป็นก้อนสีดำคล้ำคล้ายช็อกโกแลต จึงมักเรียกกันว่า ‘ถุงน้ำช็อกโกแลต’ หรือ ‘ช็อกโกแลตซีสต์’ 

มีสัญญาณเตือนภัย คือ ปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือปวดอุ้งเชิงกรานขณะไม่มีประจำเดือน และภาวะมีบุตรยาก สิ่งสำคัญคือการได้รับการวินิจฉัยที่เร็ว ปัจจุบันมีแนวทางรักษา ได้แก่ 1. การรักษาด้วยยา 2. การผ่าตัด 3. การรักษาร่วมกันระหว่างการให้ยาและการผ่าตัด ยังไม่มีวิธีการป้องกันการเกิดโรคนี้ 

ดังนั้น หากมีอาการที่สงสัยควรรีบปรึกษาสูตินรีแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาโรค ทั้งนี้สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดไปแล้ว ก็ยังมีโอกาสการกลับเป็นซ้ำได้ ดังนั้นแพทย์จะเป็นผู้วางแผนการรักษาเพื่อช่วยป้องกันการเกิดการกลับเป็นซ้ำของโรคได้ในระยะยาว