ยกระดับสัตวแพทย์ รับกระแส "สัตว์เลี้ยง" คือครอบครัว ดันไทยสู่ความก้าวหน้า

02 พ.ค. 2568 | 09:08 น.
อัปเดตล่าสุด :02 พ.ค. 2568 | 10:02 น.

คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย-เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ร่วมยกระดับความเป็นเลิศด้านสัตวแพทย์ในไทย รับกระแส “Pet Humanization” เพราะสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัว

เภสัชกรอภิศักดิ์ คุณเวช Head of Animal Health เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ แอนิมอล เฮลท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ได้ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ (Collaboration Agreement) โครงการ Next Level Veterinary Excellence กับคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเชิงกลยุทธ์เพื่อยกระดับองค์ความรู้และแนวทางการปฏิบัติ ทางสัตวแพทยศาสตร์ในประเทศไทย โดยผ่านการฝึกอบรมวิชาชีพ งานวิจัย และการให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน

ภายใต้ข้อตกลง จะพัฒนาหลักสูตรอบรมขั้นสูงสำหรับสัตวแพทย์ จัดทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพสัตว์ ดำเนินโครงการให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ชุมชน เกี่ยวกับโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ด้วยเป้าหมายเพื่อยกระดับระบบสุขภาพสัตว์ในไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเสริมสร้างความตระหนักรู้ของประชาชนในวงกว้าง 

ยกระดับสัตวแพทย์ รับกระแส "สัตว์เลี้ยง" คือครอบครัว ดันไทยสู่ความก้าวหน้า

"ความร่วมมือนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับระบบดูแลสุขภาพสัตว์ในไทย สนับสนุนการวิจัยเฉพาะทางในบริบทของประเทศไทย มุ่งเน้นการวิจัยด้านโรคสัตว์โดยเฉพาะโรคในแมว เช่น เบาหวาน ซึ่งพบมากขึ้น และต้องการแนวทางดูแลเฉพาะทาง, ส่งเสริมการพัฒนาหลักสูตรโรคหัวใจ ไต และโรคในแมวขั้นสูง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในสัตว์เลี้ยงไทย การยกระดับองค์ความรู้ของสัตวแพทย์ พัฒนาหลักสูตรอบรมขั้นสูงและต่อเนื่องสำหรับสัตวแพทย์ไทย จะสามารถรับมือกับโรคซับซ้อนที่พบมากขึ้น เพิ่มโอกาสให้สัตวแพทย์ไทยได้เข้าถึงเทคโนโลยี ความรู้ และแนวปฏิบัติระดับโลก"

เภสัชกรอภิศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีสัตว์เลี้ยงที่ลงทะเบียนรวมกว่า 14 ล้านตัว เป็นสุนัขประมาณ 9 ล้านตัว แมวประมาณ 5 ล้านตัว (ที่มา: กรมปศุสัตว์, 2566) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกระแส “Pet Humanization” ที่ทำให้สัตว์เลี้ยงกลายเป็นสมาชิกในครอบครัว และเจ้าของสัตว์เลี้ยงก็พร้อมใช้จ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร/การรักษา ฯลฯ 

ยกระดับสัตวแพทย์ รับกระแส "สัตว์เลี้ยง" คือครอบครัว ดันไทยสู่ความก้าวหน้า

ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงในกรุงเทพฯ ถือเป็นศูนย์กลางของบริการทางการแพทย์ มีโรงพยาบาลสัตว์เอกชนมากกว่า 80 แห่ง คลินิกสัตว์เลี้ยงกระจายอยู่กว่า 300 แห่ง รวมถึงโรงพยาบาลสัตว์ของภาครัฐ เช่น โรงพยาบาลสัตว์จุฬาฯ ซึ่งเป็นสถาบันหลักในการให้บริการและฝึกอบรม 

ยกระดับสัตวแพทย์ รับกระแส "สัตว์เลี้ยง" คือครอบครัว ดันไทยสู่ความก้าวหน้า

แม้จำนวนสถานพยาบาลจะดูเพียงพอในเชิงปริมาณสำหรับเขตเมือง แต่ความท้าทายสำคัญคือ การกระจายตัวของบริการเฉพาะทางยังไม่ทั่วถึง, สัตวแพทย์เฉพาะทางมีจำนวนน้อย โดยเฉพาะในสาขาโรคหัวใจ โรคแมว และโรคต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน ต้นทุนค่ารักษาพยาบาลสูง และมีช่องว่างด้านมาตรฐานการให้บริการระหว่างสถานพยาบาล

ดังนั้น การร่วมมือกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรทางการสัตวแพทย์ของประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับมาตรฐานการดูแลสุขภาพสัตว์ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงและเจ้าของในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น

ยกระดับสัตวแพทย์ รับกระแส "สัตว์เลี้ยง" คือครอบครัว ดันไทยสู่ความก้าวหน้า

ศาสตราจารย์ สพ.ญ.ดร.สันนิภา สุรทัตต์ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพสัตวแพทย์ในประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น และเชื่อมั่นว่าโครงการ 'Next Level Veterinary Excellence' จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะของนิสิตและบุคลากร ให้มีความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ในอนาคต 

นอกจากนี้ โครงการยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ในการส่งเสริมสุขภาพสัตว์ สร้างความตระหนักรู้ และส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน เกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของและคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงในระยะยาว

ยกระดับสัตวแพทย์ รับกระแส "สัตว์เลี้ยง" คือครอบครัว ดันไทยสู่ความก้าวหน้า

สำหรับโครงการหลักภายใต้ความร่วมมือประกอบด้วย โครงการการพัฒนาหลักสูตรในด้านต่างๆ อาทิ โรคหัวใจ-ไตขั้นสูงสำหรับสัตวแพทย์ หลักสูตรดูแลแมวขั้นสูงสำหรับสัตวแพทย์ รวมกึงการวิจัยด้านโรคเบาหวานในแมว อีกทั้งโครงการการให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างมีความรับผิดชอบ โรคติดต่อจากสัตว์สู่คนและแนวทางป้องกัน เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพคนและสัตว์