ในวันที่ 13 เมษายนซึ่งเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า แต่ละปีจะมี 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือประมาณ 4 ล้านคน ประสบเหตุพลัดตกหกล้ม ในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้ารับบริการในแผนกผู้ป่วยนอกกว่า 300,000 ราย และเข้าพักเป็นผู้ป่วยในสูงเป็นอันดับหนึ่ง
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการลื่น สะดุด ก้าวพลาดบนพื้นระดับเดียวกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การบาดเจ็บรุนแรงจนต้องพึ่งพาผู้อื่น ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง รวมถึงส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจของประเทศ
จึงขอให้บุตรหลานได้ใช้โอกาสวันผู้สูงอายุแห่งชาติ 13 เมษายน 2568 ที่จะถึงนี้ ร่วมกันป้องกันการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุด้วยหลัก "รู้ ปรับ ขยับเพิ่ม" ได้แก่
1. "รู้" ตระหนักถึงความเสี่ยงของการหกล้ม พาผู้สูงอายุเข้ารับการประเมินสุขภาพและทราบถึงสถานะความเสี่ยง ร่วมดูแลและสำรวจจุดเสี่ยงภายในบ้าน
2. "ปรับ" บ้านให้ปลอดภัย เช่น ติดตั้งราวจับ ใช้แผ่นยางกันลื่น มีแสงสว่างที่เพียงพอ รวมถึงเลือกรองเท้าที่พื้นมีดอกยาง ไม่ลื่น
3. "ขยับเพิ่ม" ครอบครัวร่วมสร้างกิจกรรม ชวนผู้สูงอายุออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หมั่นฝึกออกแรงต้านช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ลดภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย และฝึกสมดุลการทรงตัวอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเสริมว่า การพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุพบว่าเกิดในบ้านถึง ร้อยละ 65 ทุกคนในครอบครัวจึงสามารถร่วมกันดูแลผู้สูงอายุได้โดยใช้หลัก "รู้ ปรับ ขยับเพิ่ม" ซึ่งผู้สูงอายุที่มีกิจกรรมทางกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากการหกล้ม ยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและการมีส่วนร่วมในสังคม ทำให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่กระฉับกระเฉง มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุข