แพทย์หญิงสุรางคณา เตชะไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชและโรงพยาบาลบีเอ็นเอช และผู้อำนวยการโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล ในเครือบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล และร่วมมือกับซาโนฟี่ในการเปิดตัวโครงการรณรงค์ ‘Together Against RSV’ และการเปิด ‘ศูนย์การวินิจฉัย รักษา และป้องกันการติดเชื้ออาร์เอสวี’ เพื่อให้การดูแลแบบครบวงจร สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจอาร์เอสวี โดยพร้อมเป็นสถานพยาบาลแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะมีภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปที่ป้องกันการติดเชื้ออาร์เอสวีในทารกสำหรับผู้รับบริการ ถือเป็นก้าวสำคัญในวงการแพทย์เด็ก
"โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางสำหรับเด็ก เรามุ่งมั่นที่อยากให้เด็กทุกคนเติบโตอย่างแข็งแรงและมีสุขภาพดีตั้งแต่เกิด โดยการผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยของ Smart Hospital กับความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ พร้อมการดูแลสุขภาพเด็กอย่างครบวงจรสู่มาตรฐานสากล เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab (เนอร์ซีวิแมบ) นี้ จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ ลดความเสี่ยงของโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี รวมถึงป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัส อาร์เอสวี เช่น ปอดอักเสบ ปอดบวม เป็นต้น ทำให้เด็กไทยมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เพราะเราอยากเห็นเด็กโตไปสุขภาพดี โตไปไม่ป่วย”
"เซนัป ซาดัท" (Zainab Sadat) ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจวัคซีน ซาโนฟี่ ประจำภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย กล่าวว่า สำหรับซาโนฟี่ภูมิใจที่ได้ริเริ่มแคมเปญสร้างความตระหนักรู้ ‘Together against RSV’ ในประเทศไทย เพราะถือเป็นก้าวสําคัญสําหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ยิ่งที่ได้เห็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงสมาคมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกันรณรงค์สร้างความตระหนักรู้เพื่อป้องกันโรคติดเชื้ออาร์เอสวีนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการจัดการกับความท้าทายด้านสุขภาพ ที่เกิดจากโรคติดเชื้ออาร์เอสวี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อทารก จากการผนึกกำลังในครั้งนี้ ก็อยากจะเห็นผลกระทบที่เป็นรูปธรรม ในการปกป้องทารกไทยทุกคนจากโรคติดเชื้ออาร์เอสวี ซึ่งตรงกับภารกิจของซาโนฟี่ ในการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน
ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การให้ความรู้และการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ เกี่ยวกับโรคติดเชื้ออาร์เอสวี เพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยรุนแรงจนต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะโรคติดเชื้ออาร์เอสวี เป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง และการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในประเทศไทยในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ภาระโรคนั้นรุนแรงมาก ทั้งทางตรงและทางอ้อม อาจร้ายแรงถึงแก่ชีวิต หรือก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจตามมา
โดยสามารถลดผลกระทบของอาร์เอสวีต่อทารกและครอบครัวได้อย่างมีนัยสําคัญ ผ่านการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค และให้ความรู้ในด้านการป้องกัน ล่าสุดมีวิวัฒนาการเทคโนโลยีในการป้องกัน 2 วิธีคือ
เด็กเล็กทุกคนควรได้รับการป้องกัน เพราะโรครุนแรงเกิดได้แม้ในเด็กที่แข็งแรงดี ที่จริงแล้วเด็กที่นอนโรงพยาบาลจากอาร์เอสวีรุนแรงส่วนใหญ่เป็นเด็กที่แข็งแรงดีมาก่อน
สำหรับแคมเปญ Together Against RSV นี้ นอกจากจะมุ่งหวังในการเผยแพร่และให้ความรู้เกี่ยวกับโรคแล้ว ยังรณรงค์ให้พิจารณาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กทารกแรกเกิดปลอดภัยจากโรคติดเชื้อ RSV ตามแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab เพื่อป้องกันโรครุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีที่จัดทำโดยราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย (RCPedT)
ด้าน ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ฤดูกาลในการระบาดของโรคติดเชื้ออาร์เอสวี มักเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงตุลาคม ดังนั้น ทารกทุกคนควรได้รับการป้องกันก่อนฤดูกาลการระบาดจะเริ่มขึ้น ทางราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย (RCPedT) จึงร่วมกับสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ชมรมเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย สมาคมโรคระบบหายใจและเวชบำบัดวิกฤตในเด็กแห่งประเทศไทย และสมาคมโรคหัวใจเด็กประเทศไทย จัดทำแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab ขึ้นมา
โดยทางราชวิทยาลัยฯ แนะนำให้ Nirsevimab ในทารกแข็งแรงดีที่อายุต่ำกว่า 8 เดือนทุกราย และอาจพิจารณาให้ในทารกแข็งแรงดีอายุ 8-12 เดือน เพื่อป้องกันโรครุนแรงจากการติดเชื้ออาร์เอสวี โดยให้เพียงโดสเดียวก่อนฤดูกาลการระบาด สามารถคงประสิทธิภาพในการป้องกันครอบคลุมทั้งฤดูกาลการระบาด สำหรับทารกที่เกิดในช่วงฤดูกาลการระบาดสามารถรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปนี้ได้ทันที โดยสามารถให้พร้อมกับวัคซีนพื้นฐานชนิดอื่นๆได้
งานวิจัยระบุว่า ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab (เนอร์ซีวิแมบ):
สำหรับมาตรการป้องกันนี้ มีความสำคัญในการช่วยลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของการติดเชื้ออาร์เอสวี เพื่อปกป้องสุขภาพของทารกแรกเกิด ซึ่งเป็นประชากรที่อ่อนแอและเปราะบางที่สุด ผู้ที่สนใจสามารถขอรับคำปรึกษาจากกุมารแพทย์ เกี่ยวกับทางเลือกในการป้องกันโรคติดเชื้ออาร์เอสวี ได้ที่สถานพยาบาลภาครัฐและเอกชนตั้งแต่วันนี้ เพื่อปกป้องเด็กทารกทุกคนให้ปลอดภัยจากโรคติดเชื้ออาร์เอสวี ในขวบปีแรกของชีวิต
ทั้งนี้ การติดเชื้ออาร์เอสวี ก่อให้เกิดภาระโรคที่สำคัญโดยเฉพาะในทารก ด้วยความเป็นโรคติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจที่พบได้บ่อย จึงมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา โดยมีอาการต่างๆ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูกไหล และเจ็บคอ ซึ่งจะปรากฏขึ้นภายใน 4-6 วันหลังจากได้รับเชื้อ
อย่างไรก็ตาม โรคติดเชื้ออาร์เอสวีนี้ ต่างจากไข้หวัดธรรมดา ตรงที่สามารถลุกลามอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นการติดเชื้อในปอดที่รุนแรง และก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น หลอดลมฝอยอักเสบ หรือปอดอักเสบ ซึ่งจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยร้อยละ 90 ของทารกและเด็กเล็กจะติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีภายใน 2 ขวบ
แม้ว่าโรคติดเชื้ออาร์เอสวีเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย ทารกทุกคนที่อายุต่ำกว่าหนึ่งปี ไม่ว่าจะเกิดก่อนกำหนด หรือเกิดมาแข็งแรงครบกำหนด ล้วนมีความเสี่ยงสูงสุดต่อการติดเชื้ออาร์เอสวีอย่างรุนแรง และมักต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล องค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณการว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ทั่วโลก ติดเชื้ออาร์เอสวี 33.8 ล้านราย/ปี และเสียชีวิต 160,000 ราย และ 2 ใน 3 ของเด็กทารกและเด็กเล็กทั่วโลก มีระบบทางเดินหายใจอักเสบเฉียบพลัน เนื่องจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี