ดีอี-สธ.ดึง ‘5G’ ยกระดับการแพทย์ฉุกเฉินช่วยชีวิตประชาชน

14 ก.ย. 2568 | 07:59 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ย. 2568 | 07:59 น.

กระทรวงดีอีร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขดึง ‘5G’ ยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉินช่วยชีวิตประชาชน คาดช่วยผู้ป่วยได้ทันกว่า 56,000 รายต่อปี

KEY

POINTS

  • กระทรวงดีอีและ สธ. ร่วมมือดำเนินโครงการ ‘5G Ambulance’ เพื่อนำเทคโนโลยี 5G มายกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
  • นำร่องติดตั้งเทคโนโลยีแพทย์ทางไกลและอุปกรณ์การแพทย์ดิจิทัลบนรถพยาบาลฉุกเฉิน 40 คัน ใน 17 หน่วยแพทย์ทั่วไทย
  • มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความรวดเร็วแม่นยำในการรักษา ลดปัญหาการสื่อสาร และเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยคาดว่าจะช่วยเหลือผู้ป่วยได้กว่า 56,000 รายต่อปี

ดร.ปิยนุช วุฒิสอน รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัล 5G มาปรับประยุกต์ใช้

โดยดำเนินการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขภายใต้โครงการ 5G Ambulance ซึ่งมีการร่วมมือ 17 หน่วยแพทย์ฉุกเฉินทั่วไทย โดยนำร่องติดตั้ง 3 เทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยีแพทย์ทางไกล เทคโนโลยีทางการแพทย์ และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยบนรถพยาบาลฉุกเฉินขั้นสูง 40 คัน ซึ่งคาดว่าจะช่วยผู้ป่วยเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ทันท่วงทีกว่า 56,000 ราย/ปี

“โครงการดังกล่าวเป็นการยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉินด้วยการนำเทคโนโลยี 5G และอุปกรณ์ดิจิทัลทางการแพทย์มาใช้เต็มรูปแบบบนรถพยาบาลฉุกเฉิน ซึ่งโครงการ 5G Ambulance จะเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญของ กระทรวงดีอี ที่สามารถบูรณาการการทำงานกับโครงการด้านการแพทย์อื่น ๆ ของกระทรวง”

สำหรับแนวทางและโครงการของ กระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบริการด้านสุขภาพที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น การพัฒนาคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขที่รองรับการเข้าถึงข้อมูลจากทุกหน่วยบริการอย่างปลอดภัย ช่วยให้เวลาการให้บริการฉุกเฉินเป็นไปอย่างรวดเร็ว เป็นต้น

โครงการ 5G Ambulance จะเป็นต้นแบบของการทำงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการให้บริการรักษาพยาบาลที่รวดเร็ว แม่นยำ และครอบคลุมประชาชนในทุกพื้นที่

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า โครงการ 5G Ambulance มีจุดเริ่มต้นมาจากการต่อยอดความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ ซึ่ง ดีป้า มีภารกิจหลักในการส่งเสริมให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในมิติต่าง ๆ เพื่อทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาเมืองและชุมชนสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยหนึ่งในมิติสำคัญคือ การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) ในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ

อย่างไรก็ตาม โครงการ 5G Ambulance ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยี 5G และอุปกรณ์ทางการแพทย์มาใช้ยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน รวมถึงเชื่อมโยงข้อมูลบนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินด้วยการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ อีกทั้งยกระดับทักษะแก่บุคลากรเพื่อแก้ไขปัญหาและข้อจำกัดที่่เป็นอุปสรรคต่อการให้บริการทางการแพทย์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาด้านการสื่อสาร ความล่าช้าในการรับแจ้งเหตุ 

การขาดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้ป่วย การช่วยเหลือเพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย ฯลฯ ทั้งหมดเพื่อให้เกิดการช่วยเหลือที่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น