นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคงูสวัด เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ที่เรียกว่า ไวรัสวาริเซลลา (varicella virus) ซึ่งเป็นเชื้อเดียวกับไวรัสที่ทำให้เกิดโรคสุกใส และเป็นไวรัสที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับไวรัสเริม
โดยที่ผู้ป่วยเมื่อเป็นโรคสุกใสแล้ว เมื่อหายจากโรค เชื้อไวรัสจะเข้าไปซ่อนในปมประสาท และจะถูกกระตุ้นเมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ซึ่งไวรัสจะมีการแบ่งตัวทำให้การปล่อยเชื้อไวรัสออกมาตามแนวเส้นประสาท จะมีอาการแสดงเบื้องต้นคือปวดแสบปวดร้อนที่ผิวหนังซึ่งถูกควบคุมโดยแนวเส้นประสาทนั้น ต่อมาจะมีผื่นแดงตามด้วยตุ่มน้ำในลักษณะเป็นกลุ่มเรียงตัวตามแนวเส้นประสาท
นายแพทย์วีรวัต อุครานันท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า งูสวัดเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน (Zoster vaccine) การฉีดวัคซีน zoster จะใช้ในผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 50 ปี
วัคซีนจึงเป็นเครื่องมือใหม่สำหรับให้แพทย์เลือกใช้ การป้องกันที่ดีที่สุด คือควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ส่วนการรักษาโรคงูสวัดนั้น มีทั้งการรักษาตามอาการ เช่น การทำแผลและยาแก้ปวดรักษาโดยการใช้ยาต้านไวรัส
แพทย์หญิงปิ่นนรี ขัตติพัฒนาพงษ์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า ตุ่มน้ำสามารถกลายเป็นตุ่มหนองและแตกเป็นแผล หรือเป็นสะเก็ดตามมาได้ หลังจากอาการทางผิวหนังหายแล้ว อาจมีอาการปวดเรื้อรังในผู้ป่วยบางราย
รวมถึงอาจมีแผลเป็นตามหลังได้ การเกิดการกระตุ้นของไวรัส varicella ที่ทำให้เกิดโรคงูสวัดนั้น มักเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ป่วยที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้ยาเคมีบำบัด
อาการของโรคที่พบมีความรุนแรงมากกว่าผู้ป่วยทั่วไปที่สามารถหายเองได้ ส่วนใหญ่มักมีอาการทางผิวหนัง ในบางรายที่มีตำแหน่งใบหน้า อาจจะต้องระวังโรคงูสวัดเข้าดวงตา ควรได้รับการปรึกษาจักษุแพทย์