ปลดล็อกขุมพลัง จากต่อมความสุขใจ

18 ก.ย. 2559 | 00:00 น.
การปลดล็อกขุมพลังจากต่อมสุขใจสามารถสร้างกระบวนการตั้งแต่การหยุดค้นหา เฝ้ามอง สร้างสรรค์ ฟังและต่อยอดศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในของตนเองและคนสำคัญที่อยู่รายล้อมตัวเราเพื่อขับเคลื่อนต่อมสุขใจที่เป็นบ่อเกิดของพลังแห่งศักยภาพในระดับจิตใต้สำนึก (Subconscious) ประสานกับการพัฒนาความเก่งในด้านทักษะที่เกิดจากสมองในระดับจิตสำนึกเพื่อให้เกิดเป็นพลังของผู้นำที่พร้อมรับการการเปลี่ยนแปลง มีขั้นตอนพื้นฐานอยู่ 5 ขั้นคือ

 1. หยุดค้นหาต่อมสุขใจ

การหยุดถามตัวเองเป็นการเริ่มต้นสำรวจประสบการณ์ที่ผานมากับเรื่องราวและอารมณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต การมีเวลาย้อนกลับไปมองสภาวะทางอารมณ์จะทำให้เราตระหนักถึงต่อมพลังของศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเราซึ่งคนส่วนใหญ่จะใช่เพียงไม่เกิด 10% ของความสามารถที่มีอยู่

ผู้เขียนเคยเป็นที่ปรึกษาในการนำองค์กรฝ่าวิกฤตซึ่งถ้าผู้นำองค์กรสามารถสะกิดต่อมสุขใจและสร้างบรรยากาศในการต่อยอดความสุขด้วยการปลุกพลังร่วมของทีมงานได้ขึ้นมา 5-10% ก็สามารถที่จะได้พลังความคิดสร้างสรรค์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิ์ภาพแะลดต้นทุนในการทำธุรกิจอีกทั้งยังสามารถสร้างสรรค์ต่อยอดในการบริหารโอกาสภายใต้วิกฤตนี้ได้อีกด้วย

บางครั้งเราไม่ได้ตระหนักและชื่นชมต่อมสุขใจนี้ เราก็จะไม่ได้ใช้มันเพื่อสร้างศักยภาพที่แท้จริงให้กับตัวเรา หลายคนมักอาจถูกการเปลี่ยนแปลงผลักดันให้ไปสะกิดต่อมเครียดโดยที่เราไม่รู้ตัว ทำให้เราไม่มีความสุขในการทำงานและก็สร้างมลพิษทางอารมณ์ให้เกิดขึ้นในทีมงานอีกด้วย

หลายองค์กรต้องการย่นเวลาในการค้นหาต่อมสุขใจจึงนำแบบสอบถามความถนัดเชิงอัจฉริยภาพ "Multi-Dimension Intelligence Profile Assessment" มาช่วยเป็นเครื่องมือในการช่วยทีมงานรู้จักต่อมสุขใจได้เร็วขึ้น

 2. เฝ้ามองภาวะทางอารมณ์

การเฝ้ามองอย่างมีสติและมีอุเบกขาคือการวางเฉย จะทำให้เรารู้จักมีอิสรภาพทางอารมณ์ ที่จะเลือกให้ผลลัพธ์ของอารมณ์ในแต่ละวันเป็นอย่างไร ถ้าอยากให้อารมณ์บวกก็จงทวีคูณการใช้ต่อมสุขใจเพิ่มสิ่งดีๆ และความสุขให้แก่คนรอบข้างตลอดจนเข้าใจระดับมลพิษที่เกิดขึ้นจากต่อมเครียดซึ่งทำให้เรารู้ขีดจำกัดในการสร้างอารมณ์ลบ

ถ้าต่อมสุขใจของตัวเราคืองานบริการและต่อมเครียดคืองานธุรการ เราก็สามารถจะวางตำแหน่งของดุลยภาพในการทำงานของตัวเราและบริหารอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ ยิ่งถ้าเราให้บริการมากขึ้นต่อมสุขใจในระดับจิตใต้สำนึกจะขับพลังบวกจากใจและถ้าเราฝึกฝนทักษะในการบริการด้วยการพัฒนาความเก่งในสมองเพื่อช่วยคนรอบข้างได้มากเท่าไหร่ เราก็จะทวีคูณความสุขใจได้มากขึ้นเท่านั้น ขณะเดียวกันเราก็จะรู้ข้อจำกัดในการทำงานธุรการของเราและสามารถสร้างวิถีของเป้าหมายและทีมงานที่เกื้อกูลได้มากขึ้น

 3. เริ่มสร้างสรรค์วิถีแห่งความสำเร็จ

จงสร้างคุณค่าและทวีคูณความสุขด้วยการใช้ต่อมสุขใจในการเติมคุณค่าให้กับตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ สร้างความสัมพันธ์กับคนที่เรารัก สร้างความสนุกในการทำงานตลอดจนสร้างคุณค่าให้กับสังคมและองค์กรที่เราอยู่ ถ้าเรามีจิตที่มุ่งมั่นทำวันนี้ให้ดีที่สุดและไม่ยึดติดกับผลลัพธ์ที่ได้ เราจะสามารถที่จะดึงเอาศักยภาพไร้ขีดจำกัดซึ่งเป็นเสมือนพลังแม่เหล็กที่เหนี่ยวนำและดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาช่วยเหลือและสนับสนุนให้เราสามารถเดินไปถึงเป้าหมายที่วางไว้

 4. ฟังธรรมชาติของต่อมสุขใจของคนที่อยู่รอบข้าง

ถ้าเราสามารถยกระดับการมองเห็นเป็นการชื่นชมความต่างที่มีอยู่รอบตัวเรา เราก็สามารถจะดึงดูดคนเหล่านั้นให้เป็นเทวดาและเทพธิดาเสริมดวงของเราได้ การฟังด้วยสมองเรามักจะเอาตัวตนของเราเป็นตัวตั้ง แต่เมื่อยามที่เราฟังด้วยหัวใจเราสามารถจะเข้าไปในหัวใจเขาได้จริงๆ เพราะสิ่งดีๆ ของคนรอบข้างมักจะมีอยู่แล้วตามธรรมชาติเพียงแค่เราเปลี่ยนรูปแบบของการฟัง เราจะได้ยินสิ่งดีๆเหล่านั้นอย่างชัดเจน ถ้าเราฟังและเข้าใจต่อมสุขของคนรอบข้างซึ่งเป็นไปได้ที่เขามีความสุขในการทำงานด้านธุรการในขณะที่เป็นต่อมเครียดของเรา ถ้าเราสามารถชื่นชมและเห็นคุณค่าของเขา เขาก็จะกลายเป็นเทวดาและเทพธิดาเสริมดวงของเราขึ้นมาทันที

 5. จงเป็นน้ำชาที่ไม่เต็มแก้ว

การเปิดใจกว้างและเข้าใจธรรมชาติอย่างปล่อยวางจะทำให้เรามองเห็นความคิดสร้างสรรค์และความปรารถนาดีจากคนรอบข้างที่ให้เราลื่นไหลและต่อยอดความสุขอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้มิเพียงสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดจากความคิดดีๆ เท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างสัมพันธ์ที่ดีอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่ยึดติด ก่อให้เกิดพลังแห่งการสร้างสรรค์หลอมรวมต่อยอดความสุขเป็นหนึ่งเดียว

Photo : Pixabay
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,192 วันที่ 15 - 17 กันยายน พ.ศ. 2559