จับตาร่างก.ม.พรรคการเมือง/เลือกตั้งส.ส. สปท.แนะ ครม.-คสช. ทดลองก่อนเลือกจริง 6 เดือน
ขณะนี้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ชุดของ ศ.ดร.มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน อยู่ระหว่างจัดทำกฎหมายลูกทั้ง 10 ฉบับให้แล้วเสร็จก่อนจะมีการเลือกตั้งตามโรดแมปของรัฐบาล คสช. ห้วงเวลานี้ปรากฏความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง โดยต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ประชุมใหญ่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ประชุมพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านการเมือง สปท. (กมธ.ด้านการเมือง สปท.) ก่อนส่งให้ กรธ. รวม 2 เรื่อง ประกอบด้วย ข้อเสนอประเด็นสำคัญเพื่อการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ ( พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) และข้อเสนอประเด็นสำคัญเพื่อการจัดทำร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ทั้งนี้ มีการเผยแพร่เอกสารดังกล่าว โดยในร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยสาระสำคัญ อาทิ หมวด 1 การจัดตั้งพรรคการเมือง กำหนดให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ต้องประกอบด้วย ตัวแทนที่สมาชิกแต่ละภาค เลือกภาคละไม่น้อยกว่า 5 คน
หมวด 2 การดำเนินกิจการของพรรคการเมือง เปิดโอกาสให้สมาชิกพรรค และผู้บริจาคเงินให้พรรคการเมือง มีสิทธิ์เข้าชื่อ 50 คน เสนอให้ตรวจสอบความบกพร่องด้านจริยธรรม และคุณธรรม ของผู้บริหารพรรค และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ หากพบว่าผิดจริงให้ที่ประชุมใหญ่มีมติให้ออกจากพรรคการเมือง ส่วนการคัดเลือกคนสมัครลงเลือกตั้งให้สมาชิกในเขตเลือกตั้งนั้นเป็นผู้คัดเลือกผู้สมัครเลือกตั้ง ด้วยวิธีการเลือกตั้งขั้นต้น หรือไพรมารีโหวต และคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ต้องแสดงรายการเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี
หมวด 3 การเงินและการสนับสนุนพรรคการเมืองห้ามผู้ใดหรือนิติบุคคล สนับสนุนเงินลงทุนให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกกรณีและให้สมาชิกพรรคจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีรายละไม่เกิน 200 บาทต่อปี
หมวด 4 การสิ้นสภาพ และการยุบพรรคการเมือง กระทำได้เฉพาะกรณีพรรคการเมืองกระทำผิดอันเป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย และทำลายความมั่นคงของชาติ และหมวด 6 บทกำหนดโทษ กำหนดมาตรการลงโทษนายทุน และกลุ่มทุน ที่นำเงินมาลงทุนในพรรคการเมืองเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยให้มีโทษจำคุก 5 - 10 ปี ไม่รอลงอาญา โทษปรับ 20 ล้านบาท ส่วนกรณีผู้สมัครรับเลือกตั้งกระทำผิด ให้มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับเงิน 20 ล้านบาท พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดชีวิต หากปรากฏหลักฐานว่า หัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค มีส่วนรู้เห็น ปล่อยปละละเลย ให้ผู้สมัครกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค จะต้องถูกตัดสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต
อีกฉบับเป็นรายงานข้อเสนอประเด็นสำคัญเพื่อการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.โดยการดำเนินการกรณีการเลือกตั้ง หากไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม กำหนดให้ในคดีที่เป็นความรับผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ประชาชนเป็นผู้เสียหายด้วย พร้อมกันนี้ประชาชนสามารถเป็นผู้ร้องคัดค้านการเลือกตั้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.)ได้ด้วย ทั้งยังกำหนดให้ในคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ กกต.สามารถยื่นฟ้องคดีต่อศาลได้เอง ไม่ว่าในคดีแพ่งหรือคดีอาญา
กรณีที่หัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองรู้ถึงเหตุแห่งการที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองหรือผู้ช่วยหาเสียงของพรรคไปกระทำความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง ประกาศ หรือคำสั่งของ กกต.แล้วเพิกเฉย ถือว่า หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคการเมืองรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดดังกล่าว ถือเป็นความผิดต้องมีโทษต้องถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต เป็นต้น
ในรายงานฉบับนี้ยังมีข้อเสนอแนะมาตรการเฉพาะหน้าที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 2 ประการ คือ 1.กำหนดให้การเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมาถึงในครั้งต่อไป เป็นวาระแห่งชาติ โดยเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน รวมทั้ง คสช.ที่จะต้องให้การสนับสนุนการดำเนินงานของ กกต. เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม
และ2.ก่อนมีการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไป (พ.ศ 2560) ต้องมีการทดลองหรือซักซ้อมการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า 6 เดือน โดยใช้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ครบวาระแต่ยังไม่มีการเลือกตั้ง เป็นพื้นที่ในการทดลองตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อที่จะศึกษาข้อดี ข้อบกพร่อง และบทเรียนที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งดังกล่าว เพื่อนำข้อสรุปมาจัดทำแนวทางอันจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม สำหรับการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไป
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา สปท.ได้ส่งความเห็นและรายงานการประชุมเรื่องคำถามพ่วงให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,192 วันที่ 15 - 17 กันยายน พ.ศ. 2559