รองนายกฯ สั่งคุมเข้มโรงงานน้ำตาล-ชีวมวล ลด PM2.5 ก่อนเข้าสู่ฤดูเสี่ยง

05 ธ.ค. 2568 | 05:10 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ธ.ค. 2568 | 05:11 น.

รองนายกฯ สุชาติ สั่งเดินหน้ามาตรการเชิงรุกควบคุมโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลทั่วประเทศ เพื่อลดมลพิษ PM2.5 ก่อนฤดูหมอกควันปี 2569 โดยตั้งเป้าตรวจแนะนำครบ 59 แห่งภายในกลางเดือนธันวาคมนี้

นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบนโยบายเร่งด่วนให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินมาตรการจัดการมลพิษเชิงรุก เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ในช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569 โดยเฉพาะการควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเขม่าควันสำคัญในฤดูเปิดหีบอ้อยระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มีนาคมของทุกปี

อธิบดี คพ. ระบุว่า โรงงานทั้งสองประเภทเป็นต้นทางของการเกิดเขม่าควันและฝุ่นละเอียดในหลายจังหวัด นายสุชาติจึงสั่งการให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่รับผิดชอบพื้นที่ เข้าตรวจแนะนำ และให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถลดการปล่อยมลพิษได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งเป้าควบคุมและตรวจแนะนำโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลรวม 59 แห่งทั่วประเทศ

รองนายกฯ สั่งคุมเข้มโรงงานน้ำตาล-ชีวมวล ลด PM2.5 ก่อนเข้าสู่ฤดูเสี่ยง

มาตรการสำคัญที่กำชับให้โรงงานดำเนินการ ได้แก่

  • ควบคุมสัดส่วนอ้อยไฟไหม้ไม่เกิน 15% ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด
  • สนับสนุนการรับซื้อใบอ้อยเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลเพิ่ม 10–30% เพื่อทดแทนการเผาในไร่
  • ตรวจดูแลระบบบำบัดอากาศเสียให้พร้อมใช้งาน
  • จัดการน้ำฝนปนเปื้อนในลานกองชานอ้อยและลานกองเถ้า
  • ปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมตามรายงาน EIA อย่างเคร่งครัด
  • เร่งติดตั้งระบบตรวจวัดมลพิษจากปล่องแบบ Real Time (CEMs)
  • ทำกิจกรรม CSR เพื่อสนับสนุนการอยู่ร่วมกับชุมชนโดยรอบ

รองนายกฯ สั่งคุมเข้มโรงงานน้ำตาล-ชีวมวล ลด PM2.5 ก่อนเข้าสู่ฤดูเสี่ยง

นายสุรินทร์ระบุว่า ขณะนี้สำนักงานสิ่งแวดล้อมได้ลงพื้นที่ตรวจแนะนำแล้วบางส่วน และพบว่าโรงงานหลายแห่งมีความพร้อมมากขึ้น ทั้งด้านการเลือกวัตถุดิบ การจัดการระบบบำบัดอากาศเสีย และการจัดทำรายงานตามมาตรการ EIA ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมลพิษในช่วงฤดูแล้งได้อย่างชัดเจน

คพ. ตั้งเป้าดำเนินการตรวจแนะนำให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือนธันวาคม 2568 เพื่อให้สอดรับกับช่วงเข้าสู่ฤดูหีบอ้อย และลดปริมาณมลพิษสะสมก่อนเข้าสู่ฤดูหมอกควันต้นปี 2569 โดยเน้นการทำงานประสานร่วมกันระหว่างภาครัฐ โรงงาน และชุมชน เพื่อให้การลดปัญหา PM2.5 เกิดผลอย่างยั่งยืน