KEY
POINTS
นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานทำลายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ส่วนควบที่เกี่ยวข้อง จำนวน 179,125 ชิ้น ซึ่งเป็นคดีสิ้นสุดแล้ว มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท พร้อมบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันนโยบายรัฐบาล “สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้า” มุ่งสร้างสังคมที่เข้มแข็งและห่างไกลจากบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแท้จริง
โดยเป็นการทำลายของกลางบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ส่วนควบที่นำมาประกอบเป็นบุหรี่ไฟฟ้า อยู่ที่ศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม (เตาเผาขยะอุตสาหกรรม) บางปู อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
จากจำนวนทั้งหมดแบ่งเป็นของกลางจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จำนวน 24,324 ชิ้น จากกรมศุลกากร จำนวน 115,413 ชิ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 39,388 ชิ้น น้ำหนักรวมประมาณ 9 ตัน มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท
ทั้งนี้ ดร.อรุณ คงเจริญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.พรภัทร์ รอดโพธิ์ทอง บุญถนอม เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการ สคบ. ตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมการปกครอง กรมประชาสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสื่อมวลชน ได้ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย
นายสันติ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการป้องกันและปราบปรามสินค้าที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและเยาวชน การทำลายบุหรี่ไฟฟ้าของกลางครั้งนี้ ไม่ได้เพียงปกป้องสุขภาพของเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ
นอกจากนี้ ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขและปัญหาสังคม สะท้อนถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการสร้างสังคมไทยที่แข็งแรงและปลอดภัย พร้อมผลักดันมาตรการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าให้เป็นวาระสำคัญของประเทศ
ขณะที่ นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า การลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการที่ 24/2567 หากฝ่าฝืนมีโทษตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนที่พบเห็นการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน สคบ. 1166 รวมถึงเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันได้