“อภัยภูเบศร”เร่งส่งยา-ถุงยังชีพ 20,000 ชุด ช่วยน้ำท่วมสงขลา

26 พ.ย. 2568 | 04:45 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ย. 2568 | 04:54 น.

รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ระดมส่งยาแก้น้ำกัดเท้า ถุงยังชีพสมุนไพร กว่า 20,000 ชุด ลงพื้นที่ภาคใต้ ช่วยน้ำท่วมสงขลา เน้นช่วยผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยติดเตียงเข้าถึงยาก

KEY

POINTS

  • โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ส่งมอบยาน้ำแก้น้ำกัดเท้าจำนวน 20,000 ตลับ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดสงขลา
  • เตรียมจัดส่งความช่วยเหลือระลอกใหม่ ประกอบด้วยถุงยังชีพ 500 ชุด และยาแก้โรคน้ำกัดเท้าเพิ่มเติมอีก 8,000 ตลับ
  • การขนส่งเผชิญอุปสรรคจากระดับน้ำที่ท่วมสูง ทำให้ต้องอาศัยทีมอาสาในพื้นที่ช่วยกระจายความช่วยเหลือไปยังชุมชนที่เดือดร้อน

สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัดภาคใต้ยังคงรุนแรง โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ระดับน้ำในหลายชุมชนยังท่วมสูง ถนนบางสายถูกตัดขาด ทำให้เจ้าหน้าที่และหน่วยช่วยเหลือเข้าถึงพื้นที่ได้ยาก ส่งผลให้ประชาชนเสี่ยงปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้น ทั้งโรคน้ำกัดเท้า การติดเชื้อผิวหนัง โรคระบบทางเดินอาหาร รวมถึงปัญหาความสะอาดขั้นพื้นฐานที่เริ่มน่าเป็นห่วง

                     “อภัยภูเบศร”เร่งส่งยา-ถุงยังชีพ 20,000 ชุด ช่วยน้ำท่วมสงขลา

โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้เร่งระดมช่วยเหลือเร่งด่วน โดยจัดส่ง ยาน้ำแก้น้ำกัดเท้า 20,000 ตลับ ลงพื้นที่จังหวัดสงขลาแล้วตั้งแต่ช่วงเช้า แต่เนื่องจากระดับน้ำยังสูงและรถขนส่งไม่สามารถเข้าพื้นที่ลึกได้ จึงต้องฝากเวชภัณฑ์ไว้ในจุดรวมและกระจายของในอำเภอบางกล่ำ เพื่อให้ทีมอาสาและหน่วยงานท้องถิ่นนำลำเลียงต่อเข้าไปยังชุมชนที่เดือดร้อน

ขณะเดียวกัน วันนี้ (26 พ.ย. 68) ทีมอภัยภูเบศรเตรียมจัดส่งความช่วยเหลือระลอกใหม่ ประกอบด้วย

ถุงยังชีพพร้อมชุดยาสมุนไพร 500 ชุด

ยาน้ำแก้น้ำกัดเท้าเพิ่มเติมอีก 8,000 ตลับ

เวชภัณฑ์ทั้งหมดจะถูกทยอยส่งต่อไปยังจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้ที่ยังเผชิญน้ำท่วมต่อเนื่อง และพื้นที่ที่เส้นทางยังไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ 

                            “อภัยภูเบศร”เร่งส่งยา-ถุงยังชีพ 20,000 ชุด ช่วยน้ำท่วมสงขลา

การลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นของการช่วยเหลือระยะต่อเนื่อง โดยอภัยภูเบศรยืนยันว่า จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมประสานงานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือเข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง และครอบครัวที่ยังไม่สามารถอพยพออกจากพื้นที่ได้