เสียงสะท้อนจากบุคลากร มอ. ต่อการรับมือวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่

25 พ.ย. 2568 | 06:29 น.
อัปเดตล่าสุด :25 พ.ย. 2568 | 06:36 น.

"นักวิชาการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" สะท้อนช่องโหว่ในการรับมือภัยพิบัติ หลังเกิดวิกฤต"น้ำท่วมหาดใหญ่"

สถานการณ์วิกฤต :ประชาชนนับร้อยขออพยพด่วนเมื่อ "น้ำถึงหลังคา"

วิกฤตน้ำท่วมในพื้นที่หาดใหญ่ได้เผยให้เห็นช่องโหว่ในการรับมือภัยพิบัติ โดยเฉพาะพฤติกรรมการรับรู้ความเสี่ยงของประชาชน จากการเปิดเผยของบุคลากรจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ซึ่งประจำอยู่ที่ศูนย์บัญชาการฉุกเฉิน พบว่าในช่วงเวลาวิกฤต มีประชาชนนับร้อยรายทักเข้ามาขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงที่น้ำท่วมสูงถึงระดับหลังคาบ้าน

รศ.ดร.สมพร คุณวิชิต คณะวิทยาการจัดการ  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ บอกว่า คำขอความช่วยเหลือกว่า 90% คือการร้องขอให้อพยพออกจากพื้นที่ทันที เนื่องจากติดค้างอยู่ในบ้าน ไม่สามารถออกมาได้ และบางรายขาดแคลนอาหารมาหลายวัน

"เกือบ 90% เลย คือขอให้ช่วยอพยพออก ซึ่งจริง ๆ มันควรจะออกไปตั้งแต่ยังไม่เยอะแล้ว…คือคนไม่คิดว่ามันจะสูงขนาดนี้"
 

ปัญหาหลัก:การประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไปทั้งของประชาชนและหน่วยงานของรัฐ”

รศ.ดร.สมพร คุณวิชิต คณะวิทยาการจัดการ  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้เน้นย้ำถึงปัญหาที่ฝังรากลึกในสังคมไทย คือ การประเมินสถานการณ์ต่ำไปและความชะล่าใจ แม้ว่าหน่วยงานรัฐ เช่น ปภ. จะมีการแจ้งเตือนอย่างถี่ถ้วน ทั้งผ่านระบบ Cell Broadcast, การประกาศธงแดงของเทศบาล และการเผยแพร่ข้อมูลในโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง

"คนไม่คิดว่าจะเกิดแบบนี้... รู้ว่าน้ำมาเยอะ แต่ก็คิดว่าจะไม่ขนาดนี้"  โดยระบุว่าพฤติกรรมการรับรู้ความเสี่ยงของคนไทยนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยตลอดระยะเวลา 13-14 ปีที่ผ่านมา

 

ข้อเสนอแนะ: รัฐต้องเปลี่ยนวิธีการสื่อสารเพื่อสร้าง "ความกลัวที่สร้างสรรค์"

  • หน่วยงานรัฐต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การสื่อสารในภาวะวิกฤต มุ่งเน้นที่การสร้าง ความตระหนักรู้และการป้องกันตนเอง มากกว่าการสร้างความมั่นใจที่เกินจริง
  • หลีกเลี่ยงคำที่เกินจริง: ควรหลีกเลี่ยงการพูดว่า "จะเอาอยู่" หรือ "สถานการณ์จะดีขึ้น 100%".
  • เน้นย้ำการรับผิดชอบตัวเอง: ควรย้ำให้ประชาชน "มีสติและป้องกันความเสี่ยงของตัวเอง" อย่ามั่นใจว่ารัฐจะสามารถช่วยได้หรือป้องกันได้เสมอไป
  • สร้างความตระหนกบ้าง: การสื่อสารควรทำให้ประชาชนเกิด "ความกลัวบ้างนิดนึง" เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวในการอพยพและเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ
     

วิกฤตซ้ำซ้อน: การละเลยการดูแลนักท่องเที่ยว

  • ช่วง 2-3 วันแรกของวิกฤต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและกีฬาในระดับจังหวัดยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เพื่อช่วยเหลือหรือตั้งศูนย์เฉพาะกิจ
  • ข้อเรียกร้องที่ชัดเจน 
  • ควรให้หน่วยงานเหล่านี้ ตั้งศูนย์ช่วยเหลือและประสานงานกับนักท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน และให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
  • เนื่องจากนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องได้รับการดูแลแยกจากประชาชนทั่วไป (ภาษา ,การสื่อสาร ,การประสานงาน)


รศ.ดร.สมพร คุณวิชิต คณะวิทยาการจัดการ  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์