วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 จากกรณีที่เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยข้อมูลจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ ได้รายงานพื้นที่ 10 อันดับฝนสูงสุดประจำวัน ซึ่งอันดับ 1 ได้แก่พื้นที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ปริมาณฝน 159.2 มม.และตลอดทั้งวันยังมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)ได้ส่งข้อความเตือนพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จะมีที่ไหนบ้าง สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ดังต่อไปนี้ ขณะเดียวกันสามารถอัปเดตสถานการณ์น้ำท่วมใต้ในแต่ละจังหวัดได้ที่นี่
ทั้งนี้ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ยกของขึ้นที่สูง เก็บทรัพย์สินมีค่าและเอกสารสำคัญ ระวังไฟฟ้าดูด ดูแลกลุ่มเปราะบาง
จังหวัดสุราษฎร์ธานี รายงานว่าได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักต่อเนื่องวันที่ 17–18 พฤศจิกายน 2568 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันใน 3 อำเภอ ได้แก่ ท่าชนะ ไชยา และท่าฉาง รวม 11 ตำบล 97 หมู่บ้าน มีราษฎรได้รับผลกระทบ 5,034 ครัวเรือน รวมกว่า 20,106 คน ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยอำเภอไชยาได้รับผลกระทบมากที่สุด ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสำรวจความเสียหายเพิ่มเติมในพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขัง และติดตามสภาพอากาศซึ่งยังคงมีฝนตกต่อเนื่องในหลายจุด
ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอท่าชนะ อำเภอไชยา และอำเภอท่าฉาง แม้ปริมาณน้ำบางจุดเริ่มมีแนวโน้มลดลง แต่หลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง โดยคาดว่าหากสภาพอากาศดีขึ้น ระดับน้ำจะค่อย ๆ ลดลงและเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1–2 วัน จังหวัดสุราษฎร์ธานีขอให้ประชาชนติดตามประกาศเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิดและดูแลความปลอดภัยของตนเองและครอบครัวในช่วงที่สภาพอากาศยังไม่นิ่ง
จังหวัดชุมพร รายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยหลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่อำเภอหลังสวน ส่งผลให้มีประชาชนได้รับผลกระทบรวม 8 ตำบล 24 หมู่บ้าน จำนวน 204 ครัวเรือน ผู้ประสบภัย 612 คน ขณะที่สิ่งสาธารณประโยชน์ได้รับความเสียหายเบื้องต้น ได้แก่ ถนน 12 สาย และอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายเพิ่มเติมในจุดอื่น ๆ
อนึ่งเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร ได้รายงานสถานการณ์ว่าจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่มีปริมาณน้ำฝนและน้ำท่าเพิ่มสูงขึ้น โดยที่สถานี ม.3 ช่องไม้แก้ว วัดปริมาณฝนระหว่างวันที่ 18 พ.ย. เวลา 07.00 น. ถึง 19 พ.ย. เวลา 07.00 น. ได้ 150 มิลลิเมตร ขณะที่สถานีอำเภอทุ่งตะโกวัดได้ 79 มิลลิเมตร
สำหรับปริมาณน้ำท่าต้นน้ำคลองตะโก ม.14 ต.ตะโก เวลา 06.30 น. พบว่าระดับน้ำสูงขึ้นจากท้องน้ำปกติประมาณ 3 เมตร แต่ยังไม่ล้นตลิ่ง ส่วนคลองเพรา ม.11 ระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้น และมีฝนตกต่อเนื่อง แม้ไม่มีเครื่องมือวัดระดับน้ำแต่รายงานว่าสถานการณ์ต้องเฝ้าระวัง
ทั้งนี้ น้ำจากต้นน้ำใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการไหลถึงพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณหน้า ประตูระบายน้ำคลองตะโก ซึ่งเป็นจุดรับน้ำจาก 3 คลอง ได้แก่ คลองตะโก คลองโชน และคลองเพรา
ในภาพรวมจังหวัดชุมพร ปัจจุบันหลายพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขัง และยังคงมีฝนตกหนักสลับเบาอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่า หากปริมาณฝนลดลง สถานการณ์น้ำจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1 - 2 วัน