วันที่ 11 พ.ย.68 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ส่งข้อความ Cell Broadcast ไปยัง 2 จังหวัดได้แก่ ลพบุรี และ สิงห์บุรี โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และจังหวัดลพบุรี ได้รับแจ้งจากสำนักงานชลประทานที่ 10 ว่า เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา จึงปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำมโนรมย์ในอัตรา 250 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.68 จะทำให้ระดับน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสักเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30 ซม. ส่งผลกระทบพื้นที่ริมคลอง/ลำน้ำสาขาและพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณ อ.บ้านหมี่ อ.ท่าวุ้ง อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี และพื้นที่ต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงข้างต้นยกของขึ้นที่สูง ดูแลกลุ่มเปราะบาง ให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือนเกิดเหตุคันกระสอบทรายกั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณโรงเรียนพระกุมารเยซู ม.3 ต.โรงช้าง ชำรุด ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ ม.1,2,3 ต.โรงช้าง อ.พรหมบุรี และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขอให้ผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และพื้นที่ใกล้เคียง ยกของขึ้นที่สูง เคลื่อนย้ายรถไปในที่สูง เคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปยังที่ปลอดภัย
นอกจากนั้นแล้ว กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือนเกิดเหตุคันดินกั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณศาลาประชาคม บ้านต้นหว้า ม.6 ต.ประศุก ชำรุด ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ ม.4,5,6,7 ต.ประศุก อ.อินทร์บุรี และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่สถานการณ์ฝนฟ้าอากาศ ภัยพิบัติของไทยที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ระบุว่า พายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” ถือว่าเป็นพายุลูกแรกที่เข้าประเทศไทยของปี พ.ศ. 2568 ในเดือน พฤศจิกายน ซึ่งโดยปกติแล้วจากสถิติพายุที่พัดเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายน ส่วนมากจะเข้ามาทางภาคใต้ เรียกว่าการที่จะมีพายุเข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเดือน พฤศจิกายน มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก
ผลกระทบของพายุเกิดขึ้นช่วงวันที่ 7-10 พ.ย. 68 พื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้น และตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะภาคเหนือ ทำให้พื้นที่ลุ่มน้ำสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขื่อนเจ้าพระยาจึงต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. 68 และในปัจจุบันได้ปรับเพิ่มเป็น เป็นอัตรา 2,900 ลบ.ม./วิ ซึ่งเกินเกณฑ์การระบายน้ำที่อยู่ที่ 2,730 ลบ.ม./วิ
ส่งผลให้กลางมีน้ำท่วมสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะ สุโขทัย ชัยนาท พิจิตร อุทัยธานี นครสวรรค์ สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ประกอบกับวันที่ 8-10 พ.ย. 68 เป็นช่วงที่มีน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ จังหวัดนนทบุรีและนครปฐม ก็มีระดับน้ำท่วมสูง และแม้ว่าภาคใต้จะไม่ได้รับผลกระทบจากพายุโดยตรง แต่พายุก็มีส่วนทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากเช่นกัน ระดับน้ำใน พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และคลองสาขาต่างๆ กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง หลายพื้นที่ของภาค