วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เวลา 17.00 น.กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทย มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2568
ในช่วงวันที่ 29 ต.ค. – 2 พ.ย. 68 ประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนจะมีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะจังหวัดยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคเหนือ และภาคใต้ตอนบนตามลำดับ
เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนล่างจะเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ตอนบน ลงสู่ทะเลอันดามันตอนบน ประกอบกับมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือ
ขอให้เกษตรกรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนตก และระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมได้ในบางพื้นที่ และขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปในวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เวลา 05.00 น.
ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ.ได้แจ้งเตือน 27 จังหวัดภาคเหนือ อีสาน กลาง ใต้ และ กทม. เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง และระดับน้ำเพิ่มขึ้นฉับพลัน เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำ ช่วงวันที่ 29 ต.ค. – 3 พ.ย. 68
พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังเป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ในพื้นที่
- กรุงเทพมหานคร (เขตคลองเตย เขตดินแดง เขตบางกะปิ เขตบางนา เขตประเวศ เขตพระโขนง เขตลาดกระบัง เขตวังทองหลาง เขตสวนหลวง และ เขตห้วยขวาง)
- สมุทรปราการ (อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางบ่อ อำเภอบางพลี และอำเภอบางเสาธง)
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง
ภาคเหนือ 6 จังหวัด
- จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอดอยเต่า)
- จังหวัดกำแพงเพชร (อำเภอเมืองกำแพงเพชร อำเภอขาณุวรลักษบุรี อำเภอคลองขลุง อำเภอคลองลาน อำเภอโกสัมพีนคร อำเภอปางศิลาทอง และอำเภอพรานกระต่าย)
- จังหวัดตาก (อำเภอเมืองตาก อำเภอพบพระ อำเภอวังเจ้า อำเภอสามเงา และอำเภออุ้มผาง)
- จังหวัดนครุสวรรค์ (อำเภอโกรกพระ อำเภอแม่เปิน อำเภอแม่วงก์ และอำเภอลาดยาว)
- จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอหล่มเก่า)
- จังหวัดอุทัยธานี (อำเภอทัพทัน อำเภอบ้านไร่ อำเภอลานสัก อำเภอสว่างอารมณ์ และอำเภอห้วยคต)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด
- จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเกษตรสมุบูรณ์)
- จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอด่านขุนทด อำเภอปากช่อง อำเภอวังนำเขียว อำเภอสูงเนิน และอำเภอเสิงสาง)
- จังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอโนนดินแดง)
- จังหวัดสุรินทร์ (อำเภอปราสาท)
ภาคกลาง 11 จังหวัด
- จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอทองผาภูมิ อำเภอไทรโยค อำเภอบ่อพลอย อำเภอพนมทวน อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอสังขละบุรี อำเภอหนองปรือ และอำเภอห้วยกระเจา)
- จังหวัดราชบุรี (อำเภอปากท่อ และอำเภอสวนผึ้ง)
- จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอกบินทร์บุรี)
- จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว อำเภอคลองหาด อำเภอตาพระยา อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอวังสมบูรณ์ อำเภอวัฒนานคร และอำเภออรัญประเทศ)
- จังหวัดฉะเชิงเทรา (อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา อำเภอท่าตะเกียบ และอำเภอบางปะกง)
- จังหวัดชลบุรี (อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอเกาะสีชัง อำเภอบางละมุง อำเภอศรีราชา และอำเภอสัตหีบ)
- จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง และอำเภอแกลง)
- จังหวัดจันทบุรี (ทุกอำเภอ)
- จังหวัดตราต (ทุกอำเภอ)
- จังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอหนองหญ้าปล้อง)
- จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอบางสะพาน และอำเภอหัวหิน)
ภาคใต้ 5 จังหวัด
- จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง อำเภอกะเปอร์ และอำเภอละอุ่น)
- จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร อำเภอท่าแซะ อำเภอปะทิว และอำเภอสวี)
- จังหวัดภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอบ้านนาสาร อำเภอชัยบุรี อำเภอบ้านนาเดิม และอำเภอเวียงสระ)
- จังหวัดนศรศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอท่าศาลา และอำเภอทุ่งใหญ่)
พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก
- จังหวัดเชียงใหม่ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี ระนอง ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ ส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ
พื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ
- แม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขา ได้แก่ คลองชุมพร แม่น้ำหลังสวน และแม่น้ำตาปี