KEY
POINTS
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นเอกอัครมเหสีผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาธรรม พระปรีชาญาณ และพระราชกรณียกิจอันทรงคุณูปการต่อประเทศชาติและประชาคมโลก
ตลอดระยะเวลากว่าเจ็ดทศวรรษแห่งการทรงงาน พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการที่สะท้อนให้เห็นถึง “ความเป็นที่สุด” ในหลายมิติ อันควรแก่การน้อมเทิดทูนสรรเสริญ
1.พระแม่แห่งผ้าไหมไทย - ผู้ทรงยกระดับภูมิปัญญาชาวบ้านสู่เวทีโลก
ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเล็งเห็นคุณค่าของ “ผ้าไหมไทย” ซึ่งเป็นงานหัตถศิลป์พื้นบ้านอันละเอียดอ่อนและเปี่ยมด้วยอัตลักษณ์พระองค์ทรงส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคอีสานและภาคเหนือได้สืบสานการทอผ้าไหม และทรงก่อตั้ง มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (SUPPORT Foundation)เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ และธำรงศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่
พระองค์ยังทรงเป็น “ผู้นำแฟชั่น” แห่งยุค ค.ศ. 1960 ที่โลกกล่าวขานเมื่อครั้งเสด็จเยือนประเทศต่าง ๆ ทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมไทยอันวิจิตรสง่า จนสื่อมวลชนทั่วโลกขนานนามว่า “The Queen of Thai Silk” และ “Asia’s Most Elegant Queen” นับเป็นการเผยแพร่ผ้าไทยสู่เวทีโลกอย่างแท้จริง
พระองค์ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง ตรานกยูงพระราชทาน เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพผ้าไหมไทย ซึ่งได้รับการจดทะเบียนคุ้มครองในนานาประเทศกลายเป็น “ตราแห่งความภาคภูมิใจของชาติไทย” จวบจนปัจจุบัน
2.พระผู้ทรงสร้างงาน สร้างอาชีพ และยกระดับชีวิตราษฎรไทย
ด้วยพระราชหฤทัยอันเปี่ยมด้วยเมตตา สมเด็จพระพันปีหลวงทรงตระหนักถึงความยากลำบากของพสกนิกรในชนบท จึงทรงริเริ่มโครงการส่งเสริมอาชีพและศิลปาชีพในท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
โครงการดังกล่าวได้กลายเป็นแบบอย่างของ “การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน”ซึ่งได้รับการยอมรับจากองค์การระหว่างประเทศ อาทิ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ที่ถวาย เหรียญทองเซเรส (Ceres Medal) เมื่อปี พ.ศ. 2522 เพื่อสดุดีพระปรีชาญาณและพระกรุณาธิคุณในการพัฒนาสตรีและชุมชนชนบท
3. พระผู้ทรงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย
สมเด็จพระพันปีหลวงทรงตระหนักว่า วัฒนธรรมคือรากเหง้าแห่งชาติ พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายฟื้นฟูศิลปะการแสดง “โขน”และงานหัตถศิลป์แขนงต่าง ๆ ให้กลับมาเป็นที่นิยมในหมู่เยาวชนโขนไทยซึ่งได้รับการฟื้นฟูภายใต้พระบารมีของพระองค์
ต่อมาถูกประกาศขึ้นทะเบียนโดยองค์การยูเนสโกให้เป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ (UNESCO Intangible Cultural Heritage)
องค์การยูเนสโกยังได้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองพระพุทธรูปบุโรพุทโธ (Borobudur Gold Medal) แด่พระองค์เมื่อปี พ.ศ. 2535 เพื่อเทิดพระเกียรติในฐานะ “ผู้ทรงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและมรดกแห่งมนุษยชาติ” ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่ไม่เคยมอบให้ผู้ใดมาก่อน
4.พระผู้ทรงห่วงใยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ด้วยพระราชหฤทัยที่ทรงรักธรรมชาติ พระองค์ทรงริเริ่มโครงการอนุรักษ์ป่าไม้ สัตว์ป่า และแหล่งน้ำอาทิ โครงการ “บ้านเล็กในป่าใหญ่” และ “ป่ารักน้ำ”ที่มุ่งเน้นการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างคนกับป่า
พระองค์ทรงได้รับการถวายรางวัลจากองค์กรระดับโลกหลายแห่งเช่น องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) และสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN)ที่ถวาย เหรียญทองเกียรติยศ IUCN Gold Medal เพื่อเทิดพระเกียรติในฐานะ “องค์แม่แห่งการอนุรักษ์ธรรมชาติ”
5.พระผู้ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความงามสง่าและความเป็นแม่ของชาติ
ในเวทีโลก สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเป็น “ราชินีผู้เปี่ยมด้วยพระสิริโฉมและพระปรีชาสามารถ”
เมื่อครั้งเสด็จเยือนต่างประเทศพร้อมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระองค์ทรงได้รับการชื่นชมจากผู้นำและประชาชนทั่วโลกถึงพระสิริโฉมอันงดงาม และพระราชจริยวัตรที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา จนสื่อมวลชนตะวันตกพาดหัวว่า “The World’s Most Gracious Queen”
วันคล้ายวันพระราชสมภพ 12 สิงหาคม ได้รับการเทิดทูนให้เป็นวันแม่แห่งชาติ เพื่อเฉลิมพระเกียรติในฐานะ “แม่ของแผ่นดิน” ผู้ทรงพระเมตตาและเสียสละเพื่อพสกนิกรชาวไทย
6.รางวัลเกียรติคุณระดับโลกที่สะท้อน “ความเป็นที่สุด”
ตลอดพระชนมชีพ สมเด็จพระพันปีหลวงทรงได้รับรางวัลและเกียรติคุณระดับนานาชาติมากมาย อาทิ
รางวัลเหล่านี้ล้วนเป็นหลักฐานแห่งความเป็น “ที่สุดในโลก” ของสตรีผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาและพระปรีชาสามารถ
สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเป็น “มหาราชินีแห่งมวลมนุษยชาติ”ผู้ทรงนำความงดงามแห่งวัฒนธรรมไทย ความอ่อนโยนแห่งสตรี และความเสียสละของมารดาผสานไว้ในพระองค์อย่างสมบูรณ์ที่สุด
ไม่เพียงแต่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยหากแต่ทั่วโลกต่างน้อมสำนึกในพระเมตตาและพระเกียรติคุณอันหาที่สุดมิได้