KEY
POINTS
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชดำริสอดคล้องกัน ในเรื่องการให้ความช่วยเหลือประชาชนในสิ่งที่จำเป็นที่สุด คือ ด้านการแพทย์สาธารณสุข และสังคมสงเคราะห์
ทรงช่วยเหลือราษฎรที่เจ็บไข้ได้ป่วยและยากไร้ในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกล ให้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยทรงตระหนักว่า การมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง จะช่วยให้ราษฎรมีคุณภาพชีวิตที่ดี และส่งเสริมให้ชาติบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองต่อไป
“…ข้าพเจ้าเห็นว่า เรื่องสุขภาพอนามัยนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ดังคำกล่าวที่ว่า จิตใจที่แจ่มใสย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง หากประชาชนมีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์ ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ก็จะมีสติปัญญาเล่าเรียน ประกอบสัมมาอาชีพ สร้างสรรค์ความเจริญต่าง ๆ ให้บ้านเมือง…”
พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 11 สิงหาคม 2531 เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย
พระราชกรณียกิจด้านการสาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เริ่มต้นมายาวนาน มีทั้งที่เป็นพระราชกรณียกิจเพื่อปวงชนชาวไทย และพระราชกรณียกิจเพื่อมวลมนุษยชาติที่ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่ทรงเลือกเชื้อชาติและศาสนา
ทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกาสภากาชาดไทย สืบต่อจากสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยทั้งยามปกติและยามฉุกเฉิน รวมทั้งทรงส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านการอาชีพของผู้ยากไร้ในชนบทห่างไกล
ตลอดจนทรงใส่พระราชหฤทัยในด้านการสาธารณสุขเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ ก็มักเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรกิจการกาชาดของประเทศต่างๆ เพื่อทรงนำมาพัฒนากิจการสภากาชาดไทยเสมอ
สภากาชาดไทยได้ดำเนินกิจการต่อเนื่องมายาวนานกว่า 100 ปี ตามหลักกาชาดสากล มีภารกิจหลัก 4 ด้าน คือ การบริการทางการแพทย์และสุขภาพอนามัย การบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยพิบัติ การบริจาคโลหิต และการส่งเสริมคุณภาพชีวิต
โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็นส่วนต่างๆ ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทยสถานเสาวภา ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ศูนย์ดวงตาและศูนย์รับบริจาคอวัยวะ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสนับสนุนกิจการของสภากาชาดไทยอย่างเข้มแข็งอาทิ ทรงส่งเสริมให้มีการบริจาคโลหิตในหมู่ประชาชนชาวไทยอย่างแพร่หลาย ทรงยกย่องสรรเสริญผู้บริจาคโลหิตให้มีกำลังใจ
โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเข็มที่ระลึกแก่ผู้บริจาคโลหิตครบตามที่สภากาชาดกำหนด ทำให้มีปริมาณโลหิตมากเพียงพอ และมีคุณภาพสูง สามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยได้ทั่วประเทศ
ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา ทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์ที่ตามเสด็จ ช่วยตรวจรักษาผู้ป่วยที่มาเฝ้ารับเสด็จ ทั้งยังโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการส่งตัวเข้าโรงพยาบาล
แต่หากเป็นโรคที่ต้องการแพทย์เฉพาะโรคที่ไม่มีในจังหวัดนั้นๆ ก็ให้นำตัวส่งเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเข้ารับการรักษาจนกว่าจะหาย และต่อมาได้โปรดเกล้าฯ ให้จัด “หน่วยแพทย์พระราชทาน” เดินทางไปให้การตรวจรักษาโดยเฉพาะตามจุดต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาค
สำหรับผู้ป่วยที่โปรดเกล้าฯ ให้นำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลต่างๆ ในกรุงเทพ จะโปรดเกล้าฯ ให้จัดนางสนองพระโอษฐ์และอาสาสมัคร เวียนไปเยี่ยมผู้ป่วยเหล่านี้ทุกวัน
สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาได้ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระมหากรุณาแก่ครอบครัว เช่น พระราชทานการศึกษาแก่บุตรหรือคนใดคนหนึ่งของครอบครัว หรือพระราชทานงานศิลปาชีพเพื่อช่วยเหลือรายได้ของครอบครัว
นอกจากนี้ ยังมีพระราชดำริให้จัดตั้งมูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเป็นสื่อกลางให้ประชาชนในชาติ มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือทหาร ตำรวจ และอาสาสมัคร ที่บาดเจ็บจากการต่อสู้เพื่อประเทศชาติ และปัจจุบันยังได้เพิ่มความช่วยเหลือครูที่พิการจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย
รวมถึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดอบรม “โครงการหมอหมู่บ้าน” เพื่อให้ประชาชนเรียนรู้วิธีการดำเนินชีวิตอย่างถูกสุขอนามัย และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น สามารถเป็นที่พึ่งของชาวบ้านในการใช้ยา การรักษาอนามัยแม่และเด็ก
การประสานงานเพื่อจัดส่งผู้ป่วยหนักไปโรงพยาบาล การติดต่อกับหน่วยราชการเพื่อให้ความช่วยเหลือ และให้คำแนะนำแก่ญาติของผู้ป่วยและผู้คนในชุมชนเป็นเบื้องต้น มีพระราชดำริให้คัดเลือกราษฎรที่อยู่ในหมู่บ้านท้องถิ่นทุรกันดาร ที่ห่างไกลจากสถานบริการของรัฐมาอบรมเป็น หมอหมู่บ้าน
แม้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ PAPR
เพื่อใช้ในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลประจำจังหวัด ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร และทุกเหล่าทัพช่วยปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ที่เสียสละ ให้ปลอดภัยจากการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19
ข้อมูลจาก กระทรวงวัฒนธรรม และ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์