ปภ.เฝ้าระวังพายุเฟิงเฉิน ระดมทีมเข้าพื้นที่เสี่ยงภัยอีสาน - ภาคใต้

23 ต.ค. 2568 | 09:07 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ต.ค. 2568 | 09:11 น.

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เฝ้าระวังสถานการณ์จากอิทธิพลจากพายุเฟิงเฉิน เร่งกระจายเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าไปประจำพื้นที่เสี่ยงภัย ภาคอีสาน และภาคใต้

KEY

POINTS

  • พายุเฟิงเฉิน ไม่เข้าไทยโดยตรง แต่จะส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันระหว่างวันที่ 23-26 ตุลาคม 2568
  • ปภ.ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคอีสานและภาคใต้ เตรียมรับมือ โดยแจ้งเตือนประชาชน พร้อมจัดเตรียมเครื่องจักรกลเข้าพื้นที่ล่วงหน้า

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาวะอากาศ ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า วันนี้ (23 ต.ค. 68) เวลา 07.00 น. พายุเฟิงเฉิน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางใต้อย่างช้า ๆ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันนี้

โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่จะส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนฟ้าคะนอง และภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ประกอบกับมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ในช่วงระหว่างวันที่ 23 – 26 ตุลาคม 2568

ปภ.เฝ้าระวังพายุเฟิงเฉิน ระดมทีมเข้าพื้นที่เสี่ยงภัยอีสาน - ภาคใต้

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง 1 จังหวัด (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ โดยได้กำชับให้จังหวัดติดตามสภาวะอากาศและสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด แจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าผ่านทุกช่องทางการสื่อสาร บริหารจัดการเพื่อจัดสรรทรัพยากรเครื่องจักรกลสาธารณภัยไปประจำยังพื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่เศรษฐกิจ และพื้นที่ชุมชนเป็นการล่วงหน้า 

สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 23 ต.ค. 68) ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม อุบลราชธานี และอุดรธานี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 63 อำเภอ 479 ตำบล 2,904 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 128,078 ครัวเรือน 436,579 คน และมีผู้เสียชีวิต 13 ราย (พิษณุโลก 1 ราย พิจิตร 1 ราย พระนครศรีอยุธยา 11 ราย)