รวมเรื่อง (ไม่) ลับของฟักทอง กับความเชื่อใน “ฮาโลวีน 2568”

20 ต.ค. 2568 | 22:04 น.

เบื้องหลังรอยยิ้มหลอนของฟักทองคือเรื่องราวลึกลับจากยุคโบราณ “แจ็ค โอแลนเทิร์น” ชายผู้หลอกปีศาจได้สำเร็จ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกแกะฟักทองในคืน “ฮาโลวีน 2568” เพราะแสงจากฟักทองไม่ได้มีไว้แค่แต่งบ้าน แต่ยังใช้ปัดเป่าภูตร้ายตามความเชื่อ

KEY

POINTS

  • ตำนานฟักทองฮาโลวีนมีต้นกำเนิดจากเรื่องเล่าของ "แจ็ค โอแลนเทิร์น" ในไอร์แลนด์ ซึ่งเดิมใช้หัวผักกาดเจาะรูใส่ถ่านไฟเพื่อส่องทาง
  • ประเพณีเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทนหัวผักกาด เมื่อชาวไอริชอพยพไปอเมริกาและพบว่าฟักทองมีจำนวนมากและหาได้ง่ายกว่า
  • มีความเชื่อว่าการวางฟักทองแกะสลักหน้าผี (แจ็ค โอแลนเทิร์น) ไว้หน้าบ้านจะช่วยขับไล่วิญญาณชั่วร้ายในคืนวันฮาโลวีน

เมื่อย่างเข้าสู่ปลายเดือนตุลาคม กลิ่นอายแห่ง “ฮาโลวีน 2568” ก็เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทุกมุมโลก ถนนหนทางถูกแต่งแต้มด้วยโทนสีดำและส้ม ร้านรวงแขวนใยแมงมุมปลอม และสิ่งที่เด่นสะดุดตาที่สุด คือ “ฟักทองหน้าผี” ที่แสงไฟภายในค่อยๆ ส่องลอดออกมาราวกับดวงตาแห่งภูตในรัตติกาล แต่เคยสงสัยไหมว่าเหตุใดฟักทองจึงกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของคืนปล่อยผีนี้

ตำนานเริ่มต้นขึ้นที่ไอร์แลนด์ เมื่อครั้งหนึ่งมีชายขี้เมาผู้หนึ่งชื่อ “แจ็ค” ผู้ฉลาดแกมโกงและไม่เกรงกลัวสิ่งใด แม้แต่ซาตานเองก็ตาม คืนหนึ่ง แจ็คหลอกให้ปีศาจปีนขึ้นต้นไม้ แล้วรีบสลักไม้กางเขนไว้ที่โคนต้น ทำให้ปีศาจไม่อาจลงมาได้ จนต้องยอมทำสัญญา ว่าจะไม่พาวิญญาณของแจ็คลงนรก

เมื่อเวลาผ่านไป แจ็คสิ้นชีวิต สวรรค์ไม่รับเพราะความชั่ว และนรกก็ปฏิเสธเพราะคำสัญญา เขาจึงกลายเป็นวิญญาณพเนจร ได้เพียงถ่านไฟจากปีศาจไว้ส่องทางในความมืด เขานำถ่านนั้นใส่ไว้ในหัวผักกาดที่เจาะกลวง แล้วกลายเป็น “แจ็ค โอแลนเทิร์น” วิญญาณที่เร่ร่อนระหว่างโลกคนเป็นกับคนตาย

ต่อมา เมื่อชาวไอริชอพยพไปอเมริกา พวกเขาพบว่าผักกาดหายาก จึงหันมาใช้ “ฟักทอง” ที่มีมากมายแทนเจาะให้กลวง ใส่ไฟไว้ข้างใน และแกะสลักเป็นใบหน้าผีอย่างที่เห็นกันจนถึงทุกวันนี้

ต่อมา เมื่อชาวไอริชอพยพไปอเมริกา พวกเขาพบว่าผักกาดหายาก จึงหันมาใช้ “ฟักทอง” ที่มีมากมายแทนเจาะให้กลวง ใส่ไฟไว้ข้างใน และแกะสลักเป็นใบหน้าผีอย่างที่เห็นกันจนถึงทุกวันนี้

สำหรับหลายครอบครัวในยุโรปและอเมริกา ฟักทองไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อความสวยงาม แต่เป็นเสมือนเครื่องรางปกป้องบ้านจากภูตผีและสิ่งชั่วร้ายในค่ำคืนแห่งฮาโลวีน ผู้คนจึงนิยมนำฟักทองมาวางไว้หน้าประตู จุดไฟภายใน เพื่อให้แสงของ “แจ็ค” ส่องไล่วิญญาณร้ายให้พ้นผ่าน

รวมเรื่อง (ไม่) ลับของฟักทอง กับความเชื่อใน “ฮาโลวีน 2568”

ในปัจจุบัน ภาพของฟักทองหน้าผีจึงไม่เพียงสื่อถึงความหลอน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง ความสนุกสนาน และการปล่อยจินตนาการในคืนที่โลกของคนตายและคนเป็นถูกเชื่อมโยงเข้าหากัน

ฟักทองที่นิยมใช้แกะสลักในเทศกาลนี้ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ เปลือกแข็ง สีส้มสด และเนื้อแน่น เช่น Jack-O'-Lantern, Fairytale, และ Long Island Cheese ลักษณะผิวเรียบและเนื้อแน่นทำให้แกะลวดลายได้ง่าย

แม้ฟักทองเหล่านี้จะกินได้จริง แต่รสชาติอาจไม่หวานหรือเนื้อละเอียดเท่าฟักทองพันธุ์ที่ปลูกเพื่อการปรุงอาหารโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม หลายครอบครัวยังคงนำเนื้อฟักทองส่วนที่เหลือจากการแกะสลักไปทำซุปหรือพาย เป็นการเฉลิมฉลองด้วยรสชาติแห่งฤดูใบไม้ร่วง

ทุกวันที่ 31 ตุลาคม หรือ วันฮาโลวีน เมืองทั้งเมืองจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความหลอน เด็กๆ ออกเดินตระเวนเคาะประตูเรียก “Trick or Treat” ผู้ใหญ่แต่งกายเป็นผีปีศาจ และทุกบ้านต่างมีฟักทองเรืองแสงส่องทางอยู่หน้าประตู

ฟักทองฮาโลวีนจึงไม่ใช่เพียงของตกแต่ง แต่คือเรื่องเล่าทางวัฒนธรรมที่สืบทอดข้ามศตวรรษ จากหัวผักกาดในไอร์แลนด์ สู่ฟักทองสีส้มในอเมริกา และจากตำนานของชายขี้เมา สู่แสงไฟแห่งความสนุกสนานในค่ำคืนที่ทุกคนรอคอย