กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า จากการติดตามคาดหมายลักษณะอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ในช่วงกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป บริเวณภาคใต้จะได้รับอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและร่องมรสุมจะเลื่อนลงไปพาดผ่านบริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน รวมถึงอาจมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้หรือเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยบริเวณภาคตะวันออกและต่อเนื่องลงมาจนถึงอ่าวไทยตอนบนและภาคใต้ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในหลายพื้นที่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (กอปภ.จ.) 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยและคลื่นลมแรงให้ครอบคลุมครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น การเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ การแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า การเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ การเผชิญเหตุและให้ความช่วยเหลือ รวมถึงการช่วยเหลือและเยียวยาหลังสถานการณ์คลี่คลาย โดยกำชับติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน สถานการณ์น้ำท่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำอย่างใกล้ชิด ประเมินความเสี่ยงเกิดอุทกภัย คลื่นลมแรง และดินสไลด์ในพื้นที่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนเผชิญเหตุที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่
รวมถึงแจ้งเตือนภัยให้กับประชาชนผ่านทุกช่องทาง อาทิ หอกระจายข่าวหมู่บ้าน วิทยุชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และสื่อสังคมออนไลน์ของจังหวัด เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบสถานการณ์และเตรียมรับมือได้อย่างถูกต้อง
ในขณะเดียวกัน ให้ดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยล่วงหน้า โดยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ขุดลอกคูคลอง กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ จัดทำคันกั้นน้ำ และติดตั้งเครื่องจักรกลสาธารณภัยไปประจำยังพื้นที่เสี่ยงภัยล่วงหน้า เพื่อให้การปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ให้ประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางมาตรการดูแลความปลอดภัยในการเดินเรือและการปิดกั้นพื้นที่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น พร้อมกำชับผู้ประกอบการริมชายหาดให้แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวและประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังและไม่ทำกิจกรรมทางน้ำในช่วงที่มีคลื่นลมแรงโดยเด็ดขาด
สำหรับการเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชน ได้กำชับให้จัดทีมปฏิบัติการจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งหน่วยทหาร พลเรือน ตลอดจนมูลนิธิและอาสาสมัครเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบ ให้ความสำคัญกับการอพยพผู้ประสบภัยโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง การดูแลด้านการดำรงชีพ การจัดหน่วยบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข การอำนวยความปลอดภัยด้านการจราจร และการสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดผลกระทบให้เกิดกับประชาชนน้อยที่สุด
โดยทันทีที่สถานการณ์ภัยคลี่คลาย ให้เร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นให้ครบถ้วนครบทุกด้าน และดำเนินการช่วยเหลือและเยียวยาตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว
ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสถานการณ์และประกาศแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ล่วงหน้า ทั้งนี้ หากมีคำสั่งให้อพยพออกจากพื้นที่ ขอให้อพยพออกจากพื้นที่ทันที ในกรณีที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทาง Line Official Account “ปภ. รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อนผ่าน Line ID @1784DDPM และทางสายด่วนนิรภัย ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่สถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วม ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ปภ.รายงานว่า ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก รวม 15 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม อุบลราชธานี อุดรธานี และฉะเชิงเทรา กินพื้นที่ 75 อำเภอ 505 ตำบล 2,956 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบรวม 116,762 ครัวเรือน 388,918 คน และมีผู้เสียชีวิต 10 ราย (พิษณุโลก 1 ราย พิจิตร 1 ราย และพระนครศรีอยุธยา 8 ราย)