ครม.อนุมัติ ขยายเวลาประกาศพื้นที่ความมั่นคง 20 อำเภอชายแดนใต้ อีก 1 ปี

30 ก.ย. 2568 | 14:46 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ย. 2568 | 16:58 น.

มติครม.ล่าสุด อนุมัติขยายระยะเวลา การประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 20 อำเภอ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อีก 1 ปี ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 ถึง 30 กันยายน 2569

KEY

POINTS

  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการประกาศพื้นที่ความมั่นคงใน 20 อำเภอ ของ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้
  • การขยายเวลามีผลบังคับใช้ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึง 30 กันยายน 2569
  • เหตุผลในการขยายเวลาคือยังคงมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการเพื่อดูแลความปลอดภัยและป้องกันการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่

มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ 30 กันยายน 2568 ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม มีมติตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เสนอ ดังนี้

1. มีมติรับทราบ สรุปผลการประเมินพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตาม พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ในเขตพื้นที่

  • อำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
  • อำเภอยะหริ่ง อำเภอไม้แก่น อำเภอกะพ้อ อำเภอมายอ อำเภอแม่ลาน อำเภอปะนาเระ และอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี
  • อำเภอเบตง อำเภอกาบัง อำเภอกรงปินัง อำเภอยะหา และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา และอำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา

เพื่อประกอบการพิจารณาขอขยายเวลาการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551

2.มีมติอนุมัติ ให้ขยายระยะเวลาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพื้นที่ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 โดยมีพื้นที่ดังนี้

จังหวัดนราธิวาส

  1. อำเภอยี่งอ
  2. อำเภอสุไหงโก-ลก
  3. อำเภอแว้ง
  4. อำเภอสุคิริน

จังหวัดปัตตานี

  1. อำเภอยะหริ่ง
  2. อำเภอไม้แก่น
  3. อำเภอกะพ้อ
  4. อำเภอมายอ
  5. อำเภอแม่ลาน
  6. อำเภอปะนาเระ
  7. อำเภอทุ่งยางแดง

จังหวัดยะลา

  1. อำเภอเบตง
  2. อำเภอกาบัง
  3. อำเภอกรงปินัง
  4. อำเภอยะหา
  5. อำเภอรามัน

จังหวัดสงขลา

  1. อำเภอนาทวี
  2. อำเภอจะนะ
  3. อำเภอเทพา
  4. อำเภอสะบ้าย้อย

3. ครม.มีมติให้ความเห็นชอบ

  • 3.1 ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
  • 3.2 ร่างประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย
  • 3.3 ร่างประกาศ เรื่อง กำหนดลักษณะความผิดอันมีผลกระทบ ต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551

3.4 ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551

สาระสำคัญของเรื่อง

1. การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ชายแดนภาคใต้ ได้มีการใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2548 (รวม 33 อำเภอ) และได้มีการขยายระยะเวลาจนถึงปัจจุบัน รวม 81 ครั้ง (ปัจจุบันมี 17 อำเภอ) โดยมีระยะเวลาการใช้บังคับครั้งละ 3 เดือน ตามมาตรา 5 วรรคสอง แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งกำหนดให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมีระยะเวลาต้องไม่เกิน 3 เดือนนับแต่วันประกาศ และให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับออกไปอีกเป็นคราว ๆ คราวละไม่เกิน 3 เดือน

ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง หรือแก้ไขเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงภายในที่ยังไม่จำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแต่เหตุการณ์นั้นมีแนวโน้มจะมีอยู่ต่อไปเป็นเวลานานโดยมีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเป็นหน่วยปฏิบัติงานหลักรับผิดชอบ บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคประชาชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ความมั่นคงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ

โดยเริ่มมีการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2552 ในพื้นที่ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย โดยมีระยะเวลาการบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งได้มีการขยายระยะเวลาและเพิ่มพื้นที่ที่ได้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาไว้ในประกาศนี้แทนมาอย่างต่อเนื่องทุกปีจนถึงปัจจุบัน

2. ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายที่จะมุ่งปรับลดการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และพิจารณานำเครื่องมือทางกฎหมายหรือมาตรการอื่นทดแทน เพื่อคืนพื้นที่เข้าสู่การบริหารงานภายใต้กลไกปกติ โดยตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2553 - 2568 ได้มีการปรับลดพื้นที่บางอำเภอในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม 16 อำเภอ (จากทั้งหมด 33 อำเภอ) [จังหวัดนราธิวาส 4 อำเภอ : อำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี 7 อำเภอ : อำเภอยะหริ่ง อำเภอไม้แก่น อำเภอกะพ้อ อำเภอมายอ อำเภอแม่ลาน อำเภอปะนาเระ และอำเภอทุ่งยางแดง และจังหวัดยะลา 5อำเภอ : อำเภอเบตง อำเภอกาบัง อำเภอกรงปินัง อำเภอยะหา และอำเภอรามัน] ออกจาก พื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

เพื่อนำพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาบังคับใช้แทน ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนภายใต้แผนปฏิบัติการปรับลดพื้นที่การประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ห้วงปี พ.ศ. 2566 - 2570 (ฉบับแก้ไข)

ปัจจุบันจึงยังมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 17 อำเภอ (จากทั้งหมด 33 อำเภอ) และมีพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม 20 อำเภอ (4 อำเภอ ในจังหวัดสงขลา และ 16 อำเภอในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา)

3. การประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ข้างต้น ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มิได้กำหนดกรอบระยะเวลาไว้ ดังเช่นกรณีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งกำหนดให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมีระยะเวลาต้องไม่เกิน 3 เดือนนับแต่วันประกาศ และให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับออกไปอีกเป็นคราว ๆ คราวละไม่เกิน 3 เดือน

ซึ่งที่ผ่านมาในการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี พ.ศ. 2552 ในพื้นที่ 4 อำเภอ ในจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย กำหนดระยะเวลาการบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปี และได้มีการประกาศพื้นที่อื่น ๆ ในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา รวมเข้าด้วยอีก 16 อำเภอ โดยได้มีการขยายระยะเวลามาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาทุกปีจนถึงปัจจุบัน รวม 19 ครั้ง

แต่อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สิ้นสุดลงหรือสามารถดำเนินการแก้ไขได้ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบตามปกติ นายกรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศให้อำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่ได้รับมอบหมายสิ้นสุดลงได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 15 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551

4. โดยที่ประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพื้นที่อำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอยะหริ่ง อำเภอไม้แก่น อำเภอกะพ้อ อำเภอมายอ อำเภอแม่ลาน อำเภอปะนาเระ และอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง อำเภอกาบัง อำเภอกรงปินัง อำเภอยะหา และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา และอำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (รวม 20 อำเภอ) จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 กันยายน 2568

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพิจารณาแล้วเห็นว่าแนวโน้มสถานการณ์ในพื้นที่ดังกล่าวแม้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงไม่สามารถกระทำได้อย่างเสรี เนื่องจากมีการจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการได้เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม สมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ยังไม่สามารถติดตามจับกุมได้หรือหลบหนีออกนอกพื้นที่ ยังคงมีความพยายามสร้างสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และอาจกลับเข้ามาสร้างสถานการณ์หรือก่อเหตุความไม่สงบต่อเป้าหมายที่อ่อนแอหรือเป้าหมายที่ไม่มีการระวังป้องกันในพื้นที่ได้

ดังนั้น ยังมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป (พื้นที่คงเดิม) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถบริหารจัดการพื้นที่และสามารถดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่องและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

รวมทั้งยังมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาที่กระทำความผิดเพราะหลงผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์แต่กลับใจเข้ามอบตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยให้เข้ารับการอบรมตามคำสั่งศาลและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดแทนการดำเนินคดีอาญา ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้นั้นกลับตัวอันจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร

จึงสมควรให้ขยายระยะเวลาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพื้นที่ 20 อำเภอดังกล่าว ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 โดยเป็นการขยายระยะเวลาการประกาศฯ ครั้งที่ 20