KEY
POINTS
มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ 30 กันยายน 2568 ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม มีมติตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เสนอ ดังนี้
1. มีมติรับทราบ สรุปผลการประเมินพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตาม พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ในเขตพื้นที่
เพื่อประกอบการพิจารณาขอขยายเวลาการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551
2.มีมติอนุมัติ ให้ขยายระยะเวลาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพื้นที่ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 โดยมีพื้นที่ดังนี้
จังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี
จังหวัดยะลา
จังหวัดสงขลา
3. ครม.มีมติให้ความเห็นชอบ
3.4 ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551
สาระสำคัญของเรื่อง
1. การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ชายแดนภาคใต้ ได้มีการใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2548 (รวม 33 อำเภอ) และได้มีการขยายระยะเวลาจนถึงปัจจุบัน รวม 81 ครั้ง (ปัจจุบันมี 17 อำเภอ) โดยมีระยะเวลาการใช้บังคับครั้งละ 3 เดือน ตามมาตรา 5 วรรคสอง แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งกำหนดให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมีระยะเวลาต้องไม่เกิน 3 เดือนนับแต่วันประกาศ และให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับออกไปอีกเป็นคราว ๆ คราวละไม่เกิน 3 เดือน
ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง หรือแก้ไขเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงภายในที่ยังไม่จำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแต่เหตุการณ์นั้นมีแนวโน้มจะมีอยู่ต่อไปเป็นเวลานานโดยมีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเป็นหน่วยปฏิบัติงานหลักรับผิดชอบ บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคประชาชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ความมั่นคงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ
โดยเริ่มมีการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2552 ในพื้นที่ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย โดยมีระยะเวลาการบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งได้มีการขยายระยะเวลาและเพิ่มพื้นที่ที่ได้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาไว้ในประกาศนี้แทนมาอย่างต่อเนื่องทุกปีจนถึงปัจจุบัน
2. ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายที่จะมุ่งปรับลดการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และพิจารณานำเครื่องมือทางกฎหมายหรือมาตรการอื่นทดแทน เพื่อคืนพื้นที่เข้าสู่การบริหารงานภายใต้กลไกปกติ โดยตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2553 - 2568 ได้มีการปรับลดพื้นที่บางอำเภอในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม 16 อำเภอ (จากทั้งหมด 33 อำเภอ) [จังหวัดนราธิวาส 4 อำเภอ : อำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี 7 อำเภอ : อำเภอยะหริ่ง อำเภอไม้แก่น อำเภอกะพ้อ อำเภอมายอ อำเภอแม่ลาน อำเภอปะนาเระ และอำเภอทุ่งยางแดง และจังหวัดยะลา 5อำเภอ : อำเภอเบตง อำเภอกาบัง อำเภอกรงปินัง อำเภอยะหา และอำเภอรามัน] ออกจาก พื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
เพื่อนำพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาบังคับใช้แทน ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนภายใต้แผนปฏิบัติการปรับลดพื้นที่การประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ห้วงปี พ.ศ. 2566 - 2570 (ฉบับแก้ไข)
ปัจจุบันจึงยังมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 17 อำเภอ (จากทั้งหมด 33 อำเภอ) และมีพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม 20 อำเภอ (4 อำเภอ ในจังหวัดสงขลา และ 16 อำเภอในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา)
3. การประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ข้างต้น ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มิได้กำหนดกรอบระยะเวลาไว้ ดังเช่นกรณีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งกำหนดให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมีระยะเวลาต้องไม่เกิน 3 เดือนนับแต่วันประกาศ และให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับออกไปอีกเป็นคราว ๆ คราวละไม่เกิน 3 เดือน
ซึ่งที่ผ่านมาในการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี พ.ศ. 2552 ในพื้นที่ 4 อำเภอ ในจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย กำหนดระยะเวลาการบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปี และได้มีการประกาศพื้นที่อื่น ๆ ในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา รวมเข้าด้วยอีก 16 อำเภอ โดยได้มีการขยายระยะเวลามาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาทุกปีจนถึงปัจจุบัน รวม 19 ครั้ง
แต่อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สิ้นสุดลงหรือสามารถดำเนินการแก้ไขได้ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบตามปกติ นายกรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศให้อำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่ได้รับมอบหมายสิ้นสุดลงได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 15 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551
4. โดยที่ประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพื้นที่อำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอยะหริ่ง อำเภอไม้แก่น อำเภอกะพ้อ อำเภอมายอ อำเภอแม่ลาน อำเภอปะนาเระ และอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง อำเภอกาบัง อำเภอกรงปินัง อำเภอยะหา และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา และอำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (รวม 20 อำเภอ) จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 กันยายน 2568
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพิจารณาแล้วเห็นว่าแนวโน้มสถานการณ์ในพื้นที่ดังกล่าวแม้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงไม่สามารถกระทำได้อย่างเสรี เนื่องจากมีการจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการได้เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม สมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ยังไม่สามารถติดตามจับกุมได้หรือหลบหนีออกนอกพื้นที่ ยังคงมีความพยายามสร้างสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และอาจกลับเข้ามาสร้างสถานการณ์หรือก่อเหตุความไม่สงบต่อเป้าหมายที่อ่อนแอหรือเป้าหมายที่ไม่มีการระวังป้องกันในพื้นที่ได้
ดังนั้น ยังมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป (พื้นที่คงเดิม) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถบริหารจัดการพื้นที่และสามารถดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่องและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
รวมทั้งยังมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาที่กระทำความผิดเพราะหลงผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์แต่กลับใจเข้ามอบตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยให้เข้ารับการอบรมตามคำสั่งศาลและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดแทนการดำเนินคดีอาญา ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้นั้นกลับตัวอันจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
จึงสมควรให้ขยายระยะเวลาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพื้นที่ 20 อำเภอดังกล่าว ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 โดยเป็นการขยายระยะเวลาการประกาศฯ ครั้งที่ 20