เช็กพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำทะเลหนุนสูง 19 ก.ย.68

19 ก.ย. 2568 | 02:58 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ย. 2568 | 03:06 น.

เปิดพิกัดพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง น้ำทะเลหนุนสูง ประจำวันที่ 19 กันยายน 2568 เช็กสถานการณ์น้ำ สภาพอากาศทั่วไทยที่นี่

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)แจ้งเตือนสาธารณภัยพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในระยะสั้น ,น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง ,น้ำทะเลหนุนสูงบริเวณปากแม่น้ำ และพื้นที่ราบลุ่มชายฝั่ง ประจำวันที่ 19 กันยายน 2568 

น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในระยะสั้น (เตรียมพร้อมรับสถานการณ์)

  • บริเวณ จ.ตราด

น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในระยะสั้น (เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด)

  • บริเวณ จ.เชียงราย นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด

น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง 

  • บริเวณ จ.พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ ยโสธร สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม

น้ำทะเลหนุนสูงบริเวณปากแม่น้ำ และพื้นที่ราบลุ่มชายฝั่ง

  •  บริเวณ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

ขณะที่สถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศไทยในวันนี้ 19 ก.ย.68 

ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ 

  • ภาคเหนือ : จ.นครสวรรค์ (87) 
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.นครราชสีมา (115)  
  • ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (67 มม.) 
  • ภาคกลาง : จ.ลพบุรี (97 มม.) 
  • ภาคตะวันออก : จ.ตราด (262 มม.) 
  • ภาคใต้ : จ.พังงา (73)


สภาพอากาศวันนี้ 19 ก.ย.68

  • มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด 

คาดการณ์สภาพอากาศในช่วงวันที่ 21 – 24 ก.ย. 68 

  • ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบริเวณภาคตะวันออก สำหรับภาคใต้จะมีฝนลดลง

สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม 

  • ปริมาณน้ำรวม 76% ของความจุเก็บกัก (61,491 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 64% (37,370 ล้าน ลบ.ม.)  

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ตอนบนและตอนกลางของประเทศ ส่งผลให้ในหลายพื้นที่กำลังประสบปัญหาอุทกภัย โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่ริมตลิ่งและด้านท้ายน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อควบคุมปริมาณน้ำที่ปล่อยลงสู่ พื้นที่ท้ายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่ให้ไปเพิ่มปริมาณน้ำท่วมขังเดิม สทนช. ได้เร่งประสานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยให้คงอัตราการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำภูมิพล จ.ตาก อยู่ที่ 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ในระยะนี้ไปก่อน เพื่อให้กรมชลประทานรักษาอัตราการระบายน้ำบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 2,200 ลบ.ม. ต่อวินาที และเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา

สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบันของ 4 อ่างเก็บน้ำหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ 

  • อ่างเก็บน้ำภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 10,558 ล้าน ลบ.ม. (78%) 
  • อ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 8,357 ล้าน ลบ.ม. (88%) 
  • อ่างเก็บน้ำแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 777 ล้าน ลบ.ม. (83%) 
  • อ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 668 ล้าน ลบ.ม. (70%) 

เนื่องจากพื้นที่ตอนบนยังคงมีปริมาณน้ำสูงขึ้น ทำให้เขื่อนเจ้าพระยายังคงต้องเร่งการระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแบ่งการระบายน้ำออกทางฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย ขณะเดียวกัน สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมลงพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่องเพื่อติดตามผลการรับน้ำเข้าระบบชลประทานและการเร่งระบายน้ำออกสู่อ่าวไทย เช่น การติดตั้งเครื่องสูบน้ำเครื่องผลักดันน้ำ การเร่งกำจัดวัชพืชและผักตบชวา การเคลื่อนย้ายเรือลำเลียงสินค้าและเรือที่กีดขวางทางน้ำ การสำรวจความพร้อมของพื้นที่ลุ่มต่ำหน่วงน้ำ เป็นต้น ควบคู่ไปกับการปรับแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและการคาดการณ์ โดยจะมีการประชุมหารือกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ (19 ก.ย. 68) เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดผลกระทบประชาชนโดยเร็วที่สุด

พื้นที่ประสบอุทกภัย วันที่ 18 ก.ย. 68 เกิดสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ 16 จ. 59 อ. ได้แก่

  •  จ.พิษณุโลก (อ.วังทอง และบางระกำ) 
  • จ.พิจิตร (อ.สามง่าม โพทะเล โพธิ์ประทับช้าง บึงนาราง บางมูลนาก ทับคล้อ เมืองฯ ดงเจริญ และสากเหล็ก) 
  • จ.เพชรบูรณ์ (อ.บึงสามพัน วิเชียรบุรี ศรีเทพ หล่มเก่า และหล่มสัก)
  • จ.นครสวรรค์ (อ.เมืองฯ ชุมแสง โกรกพระ และตาคลี) 
  • จ.อุทัยธานี (อ.เมืองฯ ห้วยคต และทัพทัน )
  •  จ.ชัยนาท (อ.เมืองฯ สรรพยา มโนรมย์ และวัดสิงห์) 
  • จ.สิงห์บุรี (อ.เมืองฯ อินทร์บุรี และพรหมบุรี) 
  • จ.นครราชสีมา (อ.ห้วยแถลง)
  • จ.ลพบุรี (อ.บ้านหมี่) 
  • จ.อ่างทอง (อ.เมืองฯ ป่าโมก วิเศษชัยชาญ และไชโย) 
  • จ.สุพรรณบุรี (อ.เมืองฯ บางปลาม้า เดิมบางนางบวช ด่านช้าง ดอนเจดีย์ และสองพี่น้อง) 
  • จ.พระนครศรีอยุธยา (อ.เสนา ผักไห่ บางบาล บางไทร บางปะอิน มหาราช บางประหัน และพระนครศรีอยุธยา) 
  • จ.นครปฐม (อ.เมืองฯ บางเลน สามพราน ดอนตูม และกำแพงแสน)
  • จ.ฉะเชิงเทรา (อ.เมืองฯ และบางน้ำเปรี้ยว) 
  • จ.กาญจนบุรี (อ.เลาขวัญ) 
  •  จ.ราชบุรี (อ.โพธาราม)